Indiana Jones and the Last Crusade (1989) ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 3 ศึกอภินิหารครูเสด

Indiana Jones and the Last Crusade (1989) ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 3 ศึกอภินิหารครูเสด

รีวิวหนัง

Frankie Oldie

Indiana Jones and the Last Crusade(1989)

กำกับภาพยนตร์โดย : Steven Spielberg

นำแสดงโดย : Harrison Ford, Sean Connery, Alison Doody, Denholm Elliott

รีวิวหนังเรื่องต่อไป เป็นหนังผจญภัยภาคต่อภาคที่สามในแฟรนไชส์”Indiana Jones” ซึ่งโดยภาคนี้พูดถึงเรื่องราวของในช่วงปี 1938 Indiana Jonesได้ออกตามหาHenry Jones, Sr.พ่อของเขาซึ่งเป็นนักวิชาการเกี่ยวกับจอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกพวกนาซีจับตัวไประหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ สำหรับหนังภาคสามภาคนี้รู้สึกว่าการลดโทนมืดและลดการใช้ความรุนแรงให้น้อยกว่าสองภาคที่ผ่านมาอาจทำให้บางคนรู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้าง

แต่ด้วยพลังการแสดงร่วมกันของฟอร์ดและคอนเนอรี่ที่เข้าขากันดีที่ทำให้บรรยากาศชวนสนุกสนานมากขึ้น, ความตื่นเต้นเร้าใจ, ความฮา, ความท้าทายและความสยดสยองนั้นยังคงเหมือนเดิมไว้อย่างพอเหมาะ ส่วนผลงานวิชวลเอฟเฟกต์และการสร้างเอฟเฟกต์เสียงมันช่างสมบูรณ์แบบอย่างไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าขาดๆเกินๆเลย แน่นอนหนังภาคนี้ยังคว้ารางวัลออสการ์มาในสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยมอีกด้วยครับ ภาคสามภาคนี้มันช่างสนุกสนานได้ไม่แพ้สองภาคที่แล้วด้วยซ้ำแฮะ

Vintage Motion

“You lost today kid, but that doesn’t mean you have to like it.”

นี่คือการ Transition ที่ประทับใจสุดๆ ใน Indiana Jones and the Last Crusade (1989) ครับ การตัดภาพ อินเดียน่า โจนส์ จากวัยรุ่นไปเป็นผู้ใหญ่ผ่าน “หมวก” กลับมาดูกี่ทีก็รู้สึกขลัง ไม่ว่าด้วยประโยคเด็ดหรือธีมดนตรีที่บรรเลงขึ้นมา ช่างมหัศจรรย์.. เป็นวิธีเล่าภูมิหลังตัวละครที่เฉียบมาก เล่นแค่นี้เลย แล้วเราก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดอินดี้ถึงเป็นคนที่ยืนหยัดสู้ไม่ถอย (เพราะใช่ว่าคนเราจะต้องแพ้เสมอไปตราบที่ยังสู้)

แล้วพอพูดถึงฉากนี้ก็อดคิดถึง ริเวอร์ ฟีนิกซ์ ไม่ได้ครับ “Young Indiana Jones” สุดเท่ในความทรงจำ

รีวิวกระทู้ pantip Form Corleone 

หนังเก่าเล่าใหม่ 162: Indiana Jones and the Last Crusade (Steven Spielberg, 1989)

หนังเก่าเล่าใหม่

162: Indiana Jones and the Last Crusade (Steven Spielberg, 1989)

Indiana Jones and the Last Crusade ความพิเศษของภาค 3 ที่เราชื่นชอบคือตัวละคร ศจ.เฮนรี โจนส์ (ฌอน คอนเนอรี่) พ่อของ อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ความเข้ากันของตัวละครสองตัวนี้ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ ภาคนี้อยู่ในความทรงจำมากกว่าภาคอื่น หนังเล่าเรื่องราวในปี 1938 เมื่อ อินเดียน่า โจนส์ ต้องออกตามหาพ่อตัวเองที่หายตัวไประหว่างการสืบหา ‘จอกกาลิซ’ จอกศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูใช้ในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย จอกศักดิ์สิทธิ์นี้คือจอกที่รองรับพระโลหิตของพระองค์ตอนถูกตรึงกางเขน ซึ่งได้หายสาบสูญไปเกินพันปีที่แล้ว เบาะแสล่าสุดของการมีจอกศักดิ์สิทธิ์อยู่จริงคือ ตำนานที่เล่าขานต่อกันว่า อัศวินสามพี่น้องแห่งสงครามครูเสดเป็นผู้พิทักษ์เอาไว้ คนพี่คนแรกได้เสียชีวิตไปก่อน ส่วนอัศวินคนที่สองก่อนตายก็ได้เปิดเผยความลับให้บาทหลวงรูปหนึ่งฟัง ส่วนคนที่สามน้องคนสุดท้องไม่มีใครได้พบเจออีก เรื่องราวเล่าว่าน้องคนที่สามคือคนที่คอยปกป้องจอกนี้อยู่

ความน่าสนใจของสมบัติล้ำค่าจอกศักดิ์สิทธิ์ที่นำพาให้ผู้คนออกตามหาก็คือ ใครได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอก คนผู้นั้นจะเป็นอมตะ หลังจากอินเดียน่า โจนส์ ได้รับรู้ว่าพ่อตัวเองหายตัวไป เขาจึงเริ่มตามหาร่องรอยเบาะแสต่าง ๆ ที่พ่อทิ้งสมุกบันทึกไว้ให้ การผจญภัยครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น นอกจากนี้ช่วงเวลาในเรื่องยังตรงกับช่วงที่นาซีมีอำนาจและยิ่งใหญ่ในขณะนั้น ทำให้ อินเดียน่า โจนส์ เข้าไปผัวพันกับทหารนาซีที่ต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เช่นกันและถูกไล่ล่าอยู่ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีองค์กรลึกลับที่คอยกำจัดใครก็ตามที่พยายามตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ ทั้งโจนส์ลูกและโจนส์พ่อ จึงต้องหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์จับพลักจับผลูเสี่ยงตายหลายครั้ง ขณะเดียวกันก็ผจญภัยออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เรื่องราวในภาคนี้ ยังทำให้ตัวละคร อินเดียน่า โจนส์ มีมิติมากขึ้นด้วยการเล่าเรื่องราวย้อนวัยเด็ก และจุดเริ่มต้นการเป็นอินเดียน่า โจนส์ สีสันต่าง ๆ ที่บอกเล่าถึงตัวตนและความคิดความเชื่อมั่นต่าง ๆ ของคุณค่าทรัพย์สมบัติ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่หนังเพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เราเห็นมุมมองด้านอื่น ๆ ของตัวละครตัวนี้ ซึ่งทำให้คาแรกเตอร์ของอินเดียน่า โจนส์ เป็นตัวละครในโลกภาพยนตร์ที่คนจดจำ และเมื่อนึกถึงหนังผจญภัยล่าขุนทรัพย์ อินเดียน่า โจนส์ ก็มักจะถูกนึกถึงเป็นเรื่องแรก ๆ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครประกอบต่าง ๆ ที่เข้ามาเพิ่มเติมให้ภาคนี้มีความสนุกครบรสมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่า พล็อตเรื่อการผจญภัยตามหาสมบัติ ยังคงสนุกสนานไม่ว่าจะผ่านไปในยุคสมัยไหน เรายังคงตื่นเต้นกับเรื่องราวหรือการไขปริศนาต่าง ๆ และ Indiana Jones and the Last ก็มีพร้อมด้วยปริศนาที่รอการแก้ไข แม้ว่าเมื่อหยิบจับกลับมาดูใหม่ หลาย ๆ ส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้จะดูเชยไปแล้วก็ตาม แต่แง่งามของวิธีการเล่าเรื่อง การตัดสลับเหตุการณ์ และการจัดวางองค์ประกอบพร้อมสรุปจบถึงคุณค่าของสิ่งของหรือสมบัติยังคงแจ่มชัด สะท้อนผ่านเรื่องราวที่สนุกสนาน ทุก ๆ ฉากในภาคนี้สำคัญต่อพล็อตเรื่องทั้งหมด ท้ายสุด Indiana Jones and the Last จึงเป็นภาคที่เราค่อนข้างชื่นชอบและประทับใจ…

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂

ผู้กำกับ

สตีเวน สปีลเบิร์ก

บริษัท ค่ายหนัง

ลูคัสฟิล์ม

นักแสดง

• แฮร์ริสัน ฟอร์ด
• ฌอน คอนเนอรี่
• แอลลิสัน ดู๊ดดี้
• จอห์น รีส-เดวี่

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ Indiana Jones and the Last Crusade (1989) ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 3 ศึกอภินิหารครูเสด เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยสัญชาติอเมริกันปี 1989 กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก จากบทภาพยนตร์โดยเจฟฟรีย์ โบม สร้างจากเรื่องราวโดยจอร์จ ลูคัส และเมนโน เมย์เจส เป็นภาคที่สาม (และภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของไตรภาค Indiana Jones ดั้งเดิม) ในภาพยนตร์ซีรีส์ Indiana Jones และภาคต่อของ Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) ในขณะที่เป็นภาคต่อโดยตรงของ Raiders of the Lost อาร์ค (1981)

แฮร์ริสัน ฟอร์ดกลับมารับบทนำ ในขณะที่พ่อของเขาแสดงโดยฌอน คอนเนอรี นักแสดงคนอื่นๆ ได้แก่ อลิสัน ดูดี้, เดนโฮล์ม เอลเลียต, จูเลียน โกลเวอร์, ริเวอร์ ฟีนิกซ์ และจอห์น รีส-เดวีส์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งมีเรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1938 รัฐอินเดียนาตามหาพ่อของเขาซึ่งเป็นนักวิชาการจอกศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกพวกนาซีลักพาตัวและจับเป็นตัวประกันระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์

หลังจากการวิพากษ์วิจารณ์ที่ Indiana Jones และ Temple of Doom ได้รับ สปีลเบิร์กเลือกที่จะสร้างภาพยนตร์ที่เบิกบานใจมากขึ้นสำหรับภาคถัดไปพร้อมทั้งนำองค์ประกอบหลายอย่างจาก Raiders of the Lost Ark กลับมา ในช่วงห้าปีระหว่าง The Temple of Doom และ The Last Crusade เขาและผู้อำนวยการสร้างลูคัสได้ตรวจสอบสคริปต์หลายบทก่อนที่จะยอมรับบทของเจฟฟรีย์ โบม สถานที่ถ่ายทำ ได้แก่ สเปน อิตาลี เยอรมนีตะวันตก จอร์แดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

Indiana Jones and the Last Crusade เข้าฉายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 โดย Paramount Pictures ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกและประสบความสำเร็จทางการเงิน โดยทำรายได้มากกว่า 474 ล้านเหรียญทั่วโลก ทำให้เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 1989 นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลออสการ์สาขาการตัดต่อเอฟเฟกต์เสียงยอดเยี่ยม

และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและเสียงยอดเยี่ยมจาก รางวัลออสการ์ ครั้งที่ 62. ภาคต่อ Indiana Jones และ Kingdom of the Crystal Skull ตามมาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องที่ห้าและเรื่องสุดท้าย Indiana Jones และ the Dial of Destiny ได้รับการปล่อยตัวในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566

ในปี 1912 ขณะสำรวจถ้ำพร้อมกับกองกำลังลูกเสือของเขาในยูทาห์ วัยรุ่นอินเดียนาโจนส์ค้นพบโจรหลุมศพกำลังนำไม้กางเขนทองคำจากหลุมศพของโคโรนาโด ด้วยความเชื่อว่าไม้กางเขนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ อินดี้จึงรับมันไปและหลบเลี่ยงพวกโจรเพื่อกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาอินดี้ก็ส่งมอบมันให้กับนายจ้างของโจรตามคำร้องขอของนายอำเภอเมือง

ยี่สิบหกปีต่อมา อินดี้เผชิญหน้ากับนายจ้างนอกชายฝั่งโปรตุเกสและเก็บไม้กางเขนกลับคืนมา หลังจากกลับมาที่สหรัฐอเมริกา อินดี้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหายตัวไปของพ่อของเขาเฮนรี่ขณะค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์ วอลเตอร์ โดโนแวน ผู้สนับสนุนทางการเงินของเฮนรี่มอบหมายให้อินดี้ตามหาทั้งเฮนรี่และจอกศักดิ์สิทธิ์ อินดี้ได้รับแพ็คเกจที่มีไดอารี่ ซึ่งเฮนรีได้บันทึกงานวิจัยของเขาเกี่ยวกับจอกศักดิ์สิทธิ์ ขณะเดินทางไปเวนิสกับดร. มาร์คัส โบรดี้ อินดี้ได้พบกับเอลซ่า ชไนเดอร์ ผู้ร่วมงานของเฮนรี่

และค้นพบสุสานลับใต้ห้องสมุดซึ่งเป็นที่ที่เฮนรีถูกพบเห็นครั้งสุดท้าย ที่นั่นมีโล่จารึกไว้กำกับให้พวกเขาไปที่อเล็กซานเดรตต้า จากนั้นอินดี้และเอลซ่าก็ถูกโจมตีโดยกลุ่มภราดรภาพแห่งดาบกางเขนซึ่งอุทิศตนเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้แสวงหาสมบัติได้รับจอก อินดี้ไว้ชีวิตคาซิม หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งแจ้งให้ทราบว่าเฮนรี่ถูกควบคุมตัวที่ปราสาทบรุนวาลด์ในออสเตรีย อินดี้มอบแผนที่จากสมุดบันทึกที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางไปยังจอกของมาร์คัส และส่งเขาไปที่อเล็กซานเดรตตาเพื่อนัดพบกับซัลลาห์เพื่อนเก่าของพวกเขา เมื่อพบว่าห้องพักในโรงแรมถูกรื้อค้น อินดี้จึงเปิดเผยไดอารี่ให้เอลซ่าฟังก่อนที่พวกเขาจะนอนด้วยกัน

ในออสเตรีย อินดี้และเอลซ่าแทรกซึมเข้าไปในปราสาท และพบว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของนาซี อินดี้ตามหาเฮนรีและพยายามหลบหนี แต่ยอมจำนนหลังจากพวกนาซีหลอกให้เขาคิดว่าพวกเขาจะฆ่าเอลซา เอลซ่าและโดโนแวนยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับพวกนาซีก่อนที่อินดี้และเฮนรีจะถูกมัดไว้ หลังจากมาถึงอเล็กซานเดรตตา มาร์คัสก็ถูกพวกนาซีจับตัวไป แม้ว่าซัลลาห์จะพยายามช่วยชีวิตเขาก็ตาม ชไนเดอร์กลับไปเยอรมนี ขณะที่อินดี้และเฮนรีหนีออกจากปราสาทก่อนจะเดินทางไปเบอร์ลินเพื่อรับไดอารี่ หลังจากเก็บมันมาจากชไนเดอร์แล้ว อินดี้และเฮนรี่ก็หนีไปบนเรือเหาะ ต่อมาก็หลบเลี่ยงเครื่องบินของกองทัพสองลำที่ไล่ตามพวกเขา

เมื่อได้พบกับซัลลาห์ในฮาไต อินดี้และเฮนรี่จึงได้รู้ว่าพวกนาซีก็เดินทางไปที่นั่นโดยใช้แผนที่เช่นกัน ขณะติดตามเส้นทาง พวกนาซีถูกโจมตีโดยกลุ่มภราดรภาพของดาบกางเขน แต่เอาชนะพวกเขาได้ ในความสับสนวุ่นวาย เฮนรี่พยายามช่วยเหลือมาร์คัสแต่กลับถูกจับตัวไป อินดี้ช่วยเหลือเฮนรี่และทำลายขบวนรถนาซีโดยได้รับความช่วยเหลือจากเฮนรี่และมาร์คัส

อินดี้ เฮนรี มาร์คัส และซัลลาห์เดินทางไปยังวิหารที่มีจอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพวกเขาสังเกตเห็นพวกนาซีพยายามเอาชนะกับดักของวิหาร พวกนาซีจับกลุ่มของอินดี้ได้ และโดโนแวนบังคับอินดี้ให้หาทางให้พวกเขาโดยทำร้ายเฮนรีจนบาดเจ็บสาหัส ด้วยความช่วยเหลือของไดอารี่ อินดี้เอาชนะกับดักได้ เขาพบห้องหนึ่งที่มีถ้วยหลายใบและมีอัศวินโบราณผู้หนึ่งซึ่งอธิบายว่ามีเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นที่เป็นจอกที่แท้จริง

โดโนแวนและเอลซ่าเข้ามา เอลซ่าหยิบถ้วยที่หรูหราและโดโนแวนดื่มจากมัน แต่เสียชีวิตจากการแก่เร็ว อินดี้ระบุว่าแก้วธรรมดาๆ นั้นเป็นจอกที่แท้จริง และช่วยเฮนรี่ด้วยน้ำจากแก้วนั้น เอลซ่าพยายามหนีออกจากวิหารพร้อมกับจอก แต่กลับทำให้วิหารพังทลายลงและล้มลงจนเสียชีวิตขณะพยายามช่วยจอกไม่ให้ล้ม อินดี้เกือบจะประสบชะตากรรมเดียวกันก่อนที่เฮนรี่จะโน้มน้าวให้เขาจากไป อินดี้และเพื่อนๆ ของเขาหลบหนีออกไปโดยขี่ออกไปชมพระอาทิตย์ตกดิน

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Pirates of the Caribbean 1 (2003) คืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก

Indiana Jones 2 and the Temple of Doom (1984) ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า 2 ตอน ถล่มวิหารเจ้าแม่กาลี

Pirates of the Caribbean 4 (2011) ผจญภัยล่าสายน้ำอมฤตสุดขอบโลก

Pirates of the Caribbean 5 (2017) สงครามแค้นโจรสลัดไร้ชีพ

The Mummy Resurrection (2023)