Green Zone (2010) โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด

Green Zone (2010) โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด

รีวิวหนัง

โตมากับหนัง

วันละเรื่อง
–
Green Zone (2010)
ชื่อไทย: โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด
–
เป็นหนังแนวแอคชั่น ดราม่า ทริลเลอร์ เล่าเรื่องราวของ Green Zone คือ พื้นที่ที่กองทหารสหรัฐที่กำหนดให้เป็นเขตปลอดภัยสูงสุดในประเทศอิรัก ต่างจากที่อื่นที่กำลังวุ่นวาย เนื่องจากความขัดแย้งกลายเป็นสงครามกลางเมือง หลังจาก ซัดดัม ฮุสเซน เสียชีวิตไป แล้วทางสหรัฐอเมริกาพยามยามเข้าแทรกแซงประเทศอิรักเสียเอง
แล้วยังเล่าถึงนายทหาร มิลเลอร์ (Matt Damon) ที่กำลังปฏิบัติการณ์เพื่อหาคลังอาวุธและระเบิดเคมีที่ซุกซ่อนอยู่ในอิรัก แต่เขากลับพบเรื่องราวบางอย่างที่แอบแฝงอยู่ เพราะข่าวกรองที่ได้มานั้นก็เป็นข่าวลวง ทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าข่าวลวงนั้นมาจากใครและเขาได้ขัดแย้งกับฝั่งรัฐบาลของตัวเองที่ต้องการแทรกแซงการปกครองของประเทศอิรักเพื่อผลประโยชน์ เขาจึงต้องหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ให้ได้
ซึ่งในเรื่องจะได้เห็นสงครามที่ขึ้นในประเทศอิรัก เข้าใจสาเหตุที่สหรัฐอเมริกาพยามยามเข้าแทรกแซงประเทศอิรัก การใช้สงครามเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง การสูญเสีย ความรักชาติ ความขัดแย้งระหว่างประเทศอิรักกับอเมริกา รวมถึงฉากแอคชั่น ชวนลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่อง
–
คะแนน: 7.5/10

สมาคมนิยมหนังสงคราม

Green Zone “โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด” (2010)
“เมื่อ Fake News กลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง”
Green Zone เป็นหนังตั้งแต่ปี 2010 ที่ผมเคยดูตั้งแต่ตอนที่เข้าโรงฉายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และก็ไม่เคยได้ดูซ้ำอีกเลย จนมาได้เห็นเรื่องนี้โชว์หราอยู่ในแอพพลิเคชั่นสตรีมมิ่งอย่าง Netflix แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอากลับมาดูอีกครั้ง
จนเมื่อคืนนี้ได้ข่าวมาว่า Green Zone จะถูกถอดออกจาก Netflix ในวันที่ 10 เมษายน นี้ ผมเลยถือโอกาสเปิดดูซ้ำอีกรอบในรอบ 10 ปี เพราะก็เริ่มๆ ลืมรายละเอียดเนื้อเรื่องต่างๆไปบ้างแล้ว จำได้แบบเลือนรางว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการข่าว หน่วยข่าวกรองอะไรซักอย่าง

เรื่องนี้ได้ผู้กำกับมือฉมังอย่าง พอลล์ กรีนกราส ที่ชอบนักล่ะกับการกำกับหนังสไตล์นี้ ผลงานก่อนๆของพี่แกที่เคยวาดลวดลายไว้ อย่างเช่น ภาพยนตร์สายลับไตรภาค Bourne , 22 July , United 93 หรืออย่าง Captain Phillips ซึ่งแต่ละเรื่องนี่เรียกได้ว่า เข้มข้น ยังกับเอสเพรสโซ่ดับเบิ้ลช็อตเลยก็ไม่ผิดนัก

ซึ่งเรื่อง Green Zone นี้ ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง แมตต์ เดม่อน ที่เรียกได้ว่ากลายเป็นนักแสดงคู่บุญของพอล กรีสกราส ไปแล้ว ด้วยผลงานสร้างชื่ออย่างไตรภาค Bourne ซึ่งเคมีของ Green Zone กับ Bourne นั้นก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก โดย Green Zone ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือชื่อ Imperial Life in the Emerald City ของ ราจีฟ จันทราเซการาน เกี่ยวกับช่วงเหตุการณ์สงครามในการบุกยึดประเทศอิรัก จนถึงช่วงคืนอำนาจให้กับทางอิรักอีกครั้ง

โดย  นั้น ไม่ได้มีความหมายในเชิงสิ่งแวดล้อมหรือการอนุรักษ์ใดๆทั้งสิ้น แต่   ในเรื่องนี้หมายถึง พื้นที่หนึ่งที่อยู่ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ที่กินความกว้างประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นโดย ซึ่งก็สมชื่อ  คือเป็นพื้นที่ปลอดภัย และได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แตกต่างที่อื่นๆในกรุงแบกแดดที่ยังถือว่าเป็น Red Zone อยู่ โดยพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐฯ ในประเทศอิรัก ที่แต่เดิมเคยเป็นของรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งใช้เป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานทางราชการ ทำให้ภายใน  ในสมัยก่อน มีทั้งกระทรวง ทบวง กรม และที่ทำการทางทหารทั้งหลายอัดแน่นกันอยู่ภายในนี้ รวมไปถึงเป็นเซฟเฮาส์ของรัฐบาลอีกด้วย จนกระทั่งถูกกองทัพสหรัฐฯ ยึดครองได้ประมาณปี 2003 และนำมาปรับใช้งานในแบบเดียวกัน

เราจะติดตามตัวละครหลักของเรื่องอย่าง รอย มิลเลอร์ (แมตต์ เดม่อน) หัวหน้าทีมตรวจสอบอาวุธ ซึ่งได้รับภารกิจให้ค้นหาอาวุธทำลายล้างอานุภาพสูง (Weapons of Mass Destruction หรือ WMDs) ที่ซ่อนอยู่ในกรุงแบกแดดแห่งนี้ ซึ่งเขาได้ปฏิบัติภารกิจเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกๆครั้งทีมของมิลเลอร์ต้องคว้าน้ำเหลวเสมอ ไม่พบอาวุธใดๆทั้งสิ้น บุกไปก็เจอโรงงานผลิตชักโครกทิ้งร้าง หรือเจอสถานที่ที่ไม่ควรจะเป็นที่เก็บอาวุธทำลายล้างสูงแต่อย่างใด ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่า ข่าวกรองที่ได้รับมาว่าอาวุธอยู่ตรงนั้นตรงนี้ มันสามารถเชื่อถือได้หรือไม่ ใครเป็นแหล่งข่าวกันแน่ และเมื่อเขาตั้งคำถามนี้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เขาก็ถูกสั่งให้หุบปากไปซะ แล้วก้มหน้าทำงานตามคำสั่งต่อไปตามระเบียบ

ทำให้เมื่อเล่นตามกฎไม่ได้ ก็แหกกฎมันซะเลย ประกอบกับการเข้ามาของตัวละครเฟรดดี้ (คาลิด อับดัลลา) พลเรือนชาวอิรักที่หวังจะเห็นประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไป เข้ามาร่วมมือกับพระเอก (เรียกว่าตกกระไดพลอยโจนดีกว่า) ซึ่งทำให้พระเอกเข้าใกล้คีย์แมนสำคัญ นายพลอัล ราวี อดีตมือขวาของซัดดัม ฮุสเซน ที่อาจเป็นผู้รู้ความลับทั้งหมดของอาวุธร้ายแรงนี้ ว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ ซึ่งยิ่งมิลเลอร์ขุดคุ้ยเรื่องนี้ลึกเท่าไร ก็เหมือนจะยิ่งเจอความลับบางอย่างมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันกลายเป็นมากกว่าข่าวลวงธรรมดา แต่มันกลายเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของมิลเลอร์ไปแล้ว

หนังเรื่องนี้เล่นกับการตั้งคำถามกับตัวเอกอย่างมิลเลอร์ ไปพร้อมๆกับผู้ที่กำลังดูหนังเรื่องนี้อยู่ว่า สิ่งที่กองทัพสหรัฐฯ ทำไปนั้น มันถูกต้องจริงหรือ? สิ่งที่ตัวเอกพยายามจะทำ พยายามจะขุดคุ้ย มันเป็นสิ่งที่ทำได้จริงหรือไม่ พร้อมกับหนังได้ปิดฉากเหมือนกับการตบหน้าฉาดใหญ่ด้วยคำพูดไม่กี่คำ ใส่ตัวเอก หรือคนดูที่กำลังดูอยู่ โดยเฉพาะคนอเมริกันจนเรียกได้ว่า อาจจะหน้าชาเลยก็ได้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการจิกกัดที่แสบและคันไม่ใช่เล่น
.
หนังเล่นกับประเด็นที่เรียกว่า “Fake News” หรือ “ข่าวปลอม” ที่พระเอกได้รับตั้งแต่ต้นเรื่อง จนทำให้มิลเลอร์ ที่เรียกได้ว่าเปรียบเสมือนตัวแทนของคนดู สงสัยว่า ไอ้คำว่าข่าวปลอมนี่ มันถูกสร้างขึ้นโดยพลเรือนสร้างขึ้นเอง หรือเกิดจากใครกันแน่ หรือจริงๆแล้ว มันเกิดจากคนบางกลุ่มที่ต้องการหวังผลทางการเมืองเท่านั้น…

หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการนอนดูชิวๆ ดูไปทำงานบ้านไปหรือดูไป Work from Home ไป เนื่องจากผู้กำกับไม่ยอมให้คนดูหยุดพักเลย เราต้องตามติดตัวละครหลักอย่างมิลเลอร์ตลอดเวลา รวมไปถึงคิดตามทุกสเต็ปว่าใคร ทำอะไร ที่ไหนอย่างไร ตอนนี้เนื้อเรื่องหลักดำเนินไปถึงจุดไหน จะต่อกับประเด็นอีกประเด็นอย่างไร ซึ่งถ้าใครเผลอหลุดไปซัก 5 นาที รับรองว่าดูไม่รู้เรื่องแน่นอน
อีกอย่างคือเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีอาการ Motion Sickness หรือคนที่ดูหนังแนวกล้องสั่นๆไม่ได้ เพราะเรื่องนี้ใช้เทคนิคกล้องสั่น และการซูมเข้าออกเร็วๆเยอะมาก ซึ่งเป็นสไตล์เฉพาะตัวของผู้กำกับพอลล์ กรีนกราสอยู่แล้ว (แต่ยังน้อยกว่าในไตรภาค Bourne เรื่องนั้นสั่นแทบทั้งเรื่องครับ)

คะแนน: 7/10

wikipedia

มิลเลอร์ไปที่โรงแรมของบราวน์ในโซนสีเขียวซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นและมอบสมุดบันทึกให้เขา บราวน์จัดให้มิลเลอร์เข้าไปในคุกที่เซเยดกำลังถูกสอบปากคำ จากนั้นเดย์นก็เข้าไปหามิลเลอร์ ซึ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับรายงานเท็จของ WMD มิลเลอร์ไม่กล้าเข้าไปหาเซเยด ใกล้ตาย หลังจากถูกทรมาน เขาบอกมิลเลอร์ว่าพวกเขา “ทำทุกอย่างที่คุณขอให้เราทำในการประชุม” เมื่อมิลเลอร์ถามว่าเขากำลังพูดถึงการประชุมอะไร เขาก็พูดได้คำเดียวว่า “จอร์แดน” จากนั้นมิลเลอร์ก็เผชิญหน้ากับเดย์นเกี่ยวกับข้อมูลปลอมที่เธอเผยแพร่ แต่เธอปฏิเสธที่จะระบุตัวตนของมาเจลลันซึ่งเป็นแหล่งข่าวของเธอ หลังจากที่มิลเลอร์บอกเธอว่าเขาสงสัยว่าอัล-ราวีคือมาเจลลัน เดย์นก็ยืนยันอย่างไม่เต็มใจว่ามาเจลลันได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเดือนกุมภาพันธ์ที่จอร์แดน

มิลเลอร์ตระหนักดีว่าคนของพาวด์สโตนกำลังตามล่าอัล-ราวี และคิดได้เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคืออัล-ราวียืนยันว่าไม่มีโครงการ WMD ของอิรัก และตอนนี้ถือเป็นความรับผิดชอบหลัก พาวด์สโตนยึดสมุดบันทึกของมาร์ตินซึ่งมีที่ตั้งเซฟเฮาส์ ของอัล- ราวี เมื่อมิลเลอร์พยายามนัดพบกับอัล-ราวี เขาถูกคนของอัล-ราวีลักพาตัวไป หลังจากที่พาวด์สโตนประกาศการตัดสินใจยุบกองทัพอิรักทั้งหมด Al-Rawi บอก Miller ว่าเขาแจ้ง Poundstone ว่าโครงการ WMD ถูกรื้อถอนหลังสงครามอ่าว ; อย่างไรก็ตาม Poundstone รายงานว่า Al-Rawi ยืนยันว่ามี WMD ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ จึงมีข้ออ้างที่จะรุกราน คนของพาวด์สโตนโจมตีเซฟเฮาส์ ส่วนอัล-ราวีก็หนีไป มิลเลอร์หลบหนีจากผู้จับกุมและเผ่าพันธุ์หลังจากอัล-ราวี ในที่สุดก็จับตัวเขาได้ แต่จู่ๆ เฟรดดี้ก็ยิงนายพล โดยบอกมิลเลอร์ว่า “ไม่ใช่เรื่องสำหรับคุณที่จะตัดสินใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นี่” เมื่อพยานคนเดียวของเขาที่ปราบพาวด์สโตนเสียชีวิตแล้ว มิลเลอร์จึงบอกให้เฟรดดี้หนีไป

ต่อมา มิลเลอร์เขียนรายงานอันน่ารังเกียจ เขาเผชิญหน้ากับพาวด์สโตนในการประชุมและให้รายงานแก่เขา แต่พาวด์สโตนเพิกเฉย โดยบอกมิลเลอร์ว่า WMD ไม่สำคัญ จากนั้นพาวด์สโตนกลับเข้าร่วมการประชุมอีกครั้ง เพียงเพื่อดูว่าผู้นำกลุ่มอิรักปฏิเสธ Zubaidi ซึ่งเป็นตัวเลือกของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำอิรัก ในฐานะหุ่นเชิดของอเมริกา และบุกออกไป หลังจากนั้น Dayne ได้รับรายงานของ Miller ทางอีเมลและรายชื่อนักข่าวสำหรับสำนักข่าวสำคัญทั่วโลก

คะแนน: 8/10

ผู้กำกับ

• พอล กรีนกราสส์

บริษัท ค่ายหนัง

•  ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส

นักแสดง

•  แมตต์ เดมอน
• เกร็ก คินเนียร์
• เบรนแดน กลีสัน
• เอมี่ ไรอัน
• คาลิด อับดุลลา
• เจสัน ไอแซคส์

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนัง Green Zone (2010) โคตรคนระห่ำ ฝ่าโซนเดือด การค้นพบข่าวกรองที่ซ่อนเร้นและผิดพลาดทำให้เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ กลายเป็นคนโกงในขณะที่เขาตามล่าหาอาวุธทำลายล้างสูงในภูมิภาคที่ไม่มั่นคงสี่สัปดาห์ต่อมา รอย มิลเลอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่หมายจับCBRN ของกองทัพสหรัฐฯ และหมวดของเขาได้ตรวจสอบโกดังแห่งหนึ่งเพื่อหาอาวุธทำลายล้างสูงของอิรัก หลังจากการสู้รบด้วยมือปืน มิลเลอร์พบว่าโกดังว่างเปล่า เป็นครั้งที่สามติดต่อกันที่ภารกิจอย่างเป็นทางการนำไปสู่ทางตัน ต่อมา ในการซักถาม มิลเลอร์ชี้ให้เห็นว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่มอบให้เขานั้นไม่ถูกต้องและไม่เปิดเผยตัวตน เจ้าหน้าที่ระดับสูงรีบ

ปฏิเสธข้อกังวลของเขา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ CIAมาร์ติน บราวน์บอกเขาว่าสถานที่ต่อไปที่เขาจะไปค้นหานั้นได้รับการตรวจสอบโดย ทีมงาน ขององค์การสหประชาชาติเมื่อสองเดือนก่อน และได้รับการยืนยันว่าว่างเปล่าเช่นกันขณะเดียวกัน คลาร์ก พาวด์สโตน เจ้าหน้าที่ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯยินดีต้อนรับอาเหม็ด ซูไบดี นักการเมืองผู้ลี้ภัยชาวอิรักที่เดินทางกลับมาที่สนามบินลอว์รี เดย์น นักข่าวของวอลล์สตรีทเจอร์นัลตั้งคำถามกับพาวด์สโตนและจำเป็นต้องพูดโดยตรงกับ “มาเจลลัน” (อิงจากผู้ให้ข้อมูลในชีวิตจริง ” เคิร์ฟบอล “) แต่พาวด์สโตนปัดเธอออกไป

ในขณะเดียวกัน ขณะตรวจสอบสถานที่อื่นที่ไม่มีท่าว่าจะดี มิลเลอร์ก็ได้รับการติดต่อจากชาวอิรักที่เรียกตัวเองว่า “เฟรดดี้” ซึ่งบอกเขาว่าเขาเห็นแขก วีไอพี ของ Ba’ath Partyประชุมกันในบ้านใกล้เคียง รวมถึงอัล-ราวี และเจ้าหน้าที่และผู้ช่วยของเขาในกรุงแบกแดด ซึ่งกำลังหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน อัล-ราวีตัดสินใจที่จะรอให้ชาวอเมริกันเสนอข้อตกลงให้เขาและโจมตีหากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง มิลเลอร์และคนของเขาบุกเข้าไปในบ้าน อัล-ราวีหลบหนีได้อย่างหวุดหวิด แต่เซเยดถูกจับได้ ก่อนที่มิลเลอร์จะดึงข้อมูลได้มากมาย เซเยดก็ถูก เจ้าหน้าที่ หน่วยรบพิเศษ พาตัวไป ซึ่งกำลังต่อสู้กับทีมของมิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม มิลเลอร์เก็บสมุดบันทึกของอัล-ราวีไว้ ดูหนังออนไลน์

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

I’ll Always Know What You Did Last Summer (2006)
Venom The Last Dance (2024)
As If It s True (2023)
Dovbush (2023)
One Life (2023)