The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี

The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี

รีวิว

โตแล้ว จะดูหนังเรื่องอะไรก็ได้

“เจ็บปวดรู้ไหม ที่ได้รู้ความเป็นจริง”
“นี่คือภาพยนตร์ที่ทำให้คุณต้องติดตามจนไม่อยากลุกไปเยี่ยว แม้เป็นต่อมลูกหมากโต”
– ลุงสมยศ ผู้ไม่เคยถูกหวย 30 ล้าน –
The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี หรือในชื่อไทย “คนอมตะฝ่าหมื่นปี” เป็นภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องราวของอาจารย์มหาลัยคนหนึ่งที่กำลังจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เหล่าเพื่อนอาจารย์จึงจัดปาร์ตี้อำลาในบ้าน (เกือบ 85% ของฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ เกิดขึ้นที่ห้องรับแขกเล็กๆ ในบ้านนี้แหละ) และตามประสางานเลี้ยงอำลา เพื่อนอาจารย์ต่างได้รบเร้าให้เขา “เปิดใจ” แน่นอน ถ้าเขาบอกว่า “จากวันนี้ จะมีเรา เราและนาย จดจำไว้ตลอดไปไม่ทิ้งกัน” พร้อมเซ็นสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ร้านกาแฟให้เพื่อนแบบโฆษณา ทุกอย่างก็คงจบลงด้วยดี แต่เขาดันบอกว่า เขาคือมนุษย์ถ้ำที่มีอายุยืนยาวกว่า 14,000 ปี ซึ่งนั่น ก็นำมาสู่ “การเล่า” เรื่องราวอันมหัศจรรย์ งงงวย และชวนติดตาม

อันที่จริง เรื่องเล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) ที่มีอยู่เต็มไปหมดบนโลกนี้ ทั้งเรื่องจักรวาล มนุษย์ต่างดาว ประธานาธิบดี สงครามโลก ซ่องป้าเมี้ยน ร้านกล้วยแขกป้าแอ๋ว ฯลฯ การหาความจริงไม่จริงของทฤษฎีสมคบคิดนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าสนใจคือ ทำไมทฤษฎีสมคบคิดในภาพยนตร์เรื่องนี้ จึงชวนติดตามจนไม่อยากลุกไปเยี่ยว ผม (ผู้เขียนซึ่งมีหน้าตาคล้ายฮิวจ์ แจ็คแมน) เห็นว่า เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้กำลังตั้งคำถามต่อผู้ชมในเชิงปรัชญา (ศาสตร์วิชาที่หลายคนเห็นว่ามีเส้นบางๆ อันพร่าเลือนขั้นไว้ระหว่างความสงสัยกับกวนตีน) ว่า คุณรู้ได้ยังไงว่าความรู้ที่คุณรู้คือความจริง

ครั้งหนึ่ง คนเคยเชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เคยเชื่อว่าโลกแบน และเราก็เข้าใจว่าความรู้นี้คือ “ความจริง” แต่สำหรับทุกวันนี้กลับเป็นเรื่องเหลวไหล ไม่จริง ขณะที่บางครั้ง ความรู้ก็อาจไม่ใช่ความจริงอีก เช่น เรารู้ว่าไฮโดรเจน (H) เป็นธาตุที่เบาที่สุด ถ้าถามว่านี่ใช่ความจริงไหม ก็อาจจะใช่ แต่จะใช่ความจริงตลอดไปไหม เราก็คงไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นเป็นเพราะ บางทีมนุษย์เราก็ไม่อาจแน่ใจอะไรได้จริงๆ โดยเรื่องเล่าในภาพยนตร์  The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี  ก็ทำงานในแบบนี้ แต่อีกทางหนึ่ง ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แสดงให้เห็นความจริงอะไรบางอย่าง ในช่วงต้นเรื่อง เพื่อนอาจารย์คนหนึ่งกล่าวทักอาจารย์มนุษย์หมื่นปีว่า

เธอเห็นเขามาแล้วสิบปี วันแรกเมื่อสิบปีที่แล้วกับวันนี้ หน้าตาของเขายังคงเหมือนเดิมเลย ประโยคบอกเล่าเช่นนี้ โดยตัวมันเองสะท้อนให้เห็นว่า ความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย แต่ความไม่เปลี่ยนแปลงต่างหาก ที่ทำให้เราประหลาดใจ ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นผ่านการเล่าของตัวละครก็คือ โลกนี้เปลี่ยนไปยังไงบ้าง เพราะสิ่งเดียวที่กลุ่มอาจารย์และผู้ชมอย่างเราเข้าใจร่วมกันก็คือ ความเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม สองสามปีมานี้ เหมือนมีใครเอาเครื่องหมายคำถามมาแยงตูดผมบ่อยๆ ว่า ทำไมโลกเราถึงพยายามแสวงหา สถาปนา และเชิดชูความ “แท้” ในพิภพแห่งความเปลี่ยนแปลง “ความจริงแท้” “รักแท้” “เพื่อนแท้” ฯลฯ ทุกวันนี้สมองน้อยๆ ของผมก็ยังให้คำตอบแก่ตัวเองไม่ได้ แต่มีข้อสังเกตว่า เวลามนุษย์ทดสอบหรือประเมินอะไรว่าแท้หรือปลอม มักใช้ความเปลี่ยนแปลงเป็นเครื่องทดสอบ เช่น ความจริงแท้ หมายถึง ความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป

10000TIP

(8.5/10)

ผมขอยกให้ The Man from Earth  ดูหนังออนไลน์ เป็นสุดยอดหนังไซไฟที่กระตุกต่อมคิด อุดมปรัชญา และปลุกจินตนาการได้ โดยไม่มี Special Effect ในหนังเลย แม้แต่ฉากเดียว ศจ.จอห์น โอลด์แมน (David Lee Smith) กำลังจะย้ายไปที่อื่น ในวันขนของวันสุดท้ายเขาก็นัดเพื่อนอาจารย์มาสังสรรค์กันที่บ้าน ทีนี้ระหว่างการสังสรรค์เขาก็เอ่ยขึ้นมาว่า แท้จริงแล้วเขานั้นอายุ 14,000 ปี และเหตุผลที่ต้องย้ายไปก็เพราะ หากเขาอยู่ที่นี่ต่อโดยที่ร่างกายไม่แก่ลงเลย ก็อาจจะทำให้คนอื่นๆ สงสัยได้…

นั่นแหละครับ จุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด หนังทั้งเรื่องไม่มี Special Effect ใดๆ เลยครับ มีแต่การสนทนากันตลอด 80 นาทีกว่า เพราะทุกคนก็พากันงงว่าจอห์นกำลังทำอะไรกันแน่ เขากำลังอำเพื่อแกล้งเป็นการส่งท้ายหรือเปล่า  The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี หรือเรื่องที่จอห์นเล่าคือความจริงกันแน่? เพื่อนอาจารย์แต่ละคนก็พยายามคุย ถาม ตะล่อม และจับผิดสิ่งที่จอห์นเล่า แต่สุดท้ายแล้วบทลงเอยจะเป็นยังไง ผมอยากให้ลองชมกันดูนะครับ

สำหรับผม หนังเรื่องนี้มันกระตุ้นความคิดดีมากๆ เพราะบทสนทนามันไม่ได้มีแต่การหาคำตอบว่าจอห์นมีอายุ 14,000 ปีจริงหรือไม่ แต่มันมีทั้งการวิเคราะห์, การประเมิน, มีการนำความรู้มาหาคำตอบ แล้วก็มีการตั้งประเด็นมาถกเถียง บางครั้งก็เอาทฤษฎีมาหักล้างกัน ยิ่งประเด็นไหนเกี่ยวกับศาสนานี่ก็จะมีทั้งข้อมูล ความเชื่อ และอารมณ์เข้ามาผสม เพราะแต่ละคนเชื่อต่างกัน และบางครั้งคำพูดของคนหนึ่ง ก็ไปกระทบศรัทธาของคนอีกคน จนทำให้บทสนทนาเข้มข้นและชวนคิดมากขึ้นไปอีก

kristianystad

⭐ 9/10

บ่อยครั้งที่คุณจะเห็นภาพยนตร์หรือได้ยินเรื่องราวที่จะทำให้คุณแทบหยุดหายใจและทำให้คุณสงสัยว่า…นี่เป็นหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น ที่กล่าวว่ามันอาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน หากคุณไม่ต้องการให้ความเชื่อของคุณถูกท้าทาย คุณก็ควรอยู่ห่างจากความเชื่อนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับตัวละครและบทสนทนาของพวกเขา มันคือสิ่งที่สร้างหรือทำลายหนังเรื่องนี้ และฉันต้องบอกว่าพวกเขาทำได้ดีมาก มันทำให้ฉันแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ตลอดเวลา และอยากได้ยินมากกว่านี้ ทั้งหมดนี้เสริมด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูจริงๆ มันแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถสร้างภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมได้ในทุกวันนี้โดยไม่ต้องมีการระเบิดและการสังหาร…เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพมาก หนังที่ดีมาก!

paulyozz

⭐ 9/10

สวัสดี นี่เป็นความคิดเห็นแรกของฉันเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องใดๆ แต่ฉันถูกบังคับให้เขียนสิ่งนี้  เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยดูในปีนี้ในแง่ของความคิดริเริ่ม มันอาจจะไม่ได้อัดแน่นไปด้วยแอ็คชั่น แต่มันก็ชดเชยด้วยการวางอุบาย The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี  มันทำให้ฉันดูต่อไปและเป็นสิ่งที่ต้องดูสำหรับผู้ชื่นชอบภาพยนตร์อย่างแท้จริง การแสดงในช่วงสองสามนาทีแรกทำให้ฉันกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นฉันคิดว่าหนังจะไหลลื่น และในไม่ช้ามันก็คลายความกังวลของฉันลง ฉันมีชื่อเสียงในหมู่เพื่อน ๆ ที่เลิกดูหนังก่อนจะเริ่ม ฉันจะไม่แนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับเด็ก มันจะเหมาะกับผู้ที่มีอายุเกิน 25 ปีมากกว่า แต่เดี๋ยวก่อน ฉันรู้อะไรว่าคุณแต่งหน้าได้ จิตใจของคุณเองด้วยการดูในโรงภาพยนตร์ โดยรวมแล้วฉันให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 9/10

I_Ailurophile

⭐ 9/10

เป็นนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีในแนวคิด ไม่ใช่การนำเสนอ มันเป็นสิ่งที่ต่ำต้อยอย่างมีสติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ – ถูกทำให้สงบ, ยับยั้งชั่งใจ, ผ่อนคลาย การเล่าเรื่องประกอบด้วยบทสนทนาทั้งหมด – เล่าประวัติศาสตร์ ทั้งส่วนบุคคลและระดับโลก เป็นนักปรัชญา ตั้งสมมติฐาน ท่ามกลางเพื่อนและเพื่อนร่วมงาน ไม่มีฉากย้อนอดีต ไม่มีฉากแอ็กชั่น ไม่มีแม้แต่การเปลี่ยนฉากนอกเหนือจากด้านในหรือด้านนอกของบ้านที่ตัวละครอยู่รวมกัน

และทั้งน่าเอ็นดูและน่าหลงใหล การผลิตนั้นดูเรียบง่ายแต่ก็น่าประทับใจในฝีมือของมันอย่างประหลาด แค่ดูนักแสดง: Richard Riehle, Tony Todd, John Billingsley การแสดงไม่ซับซ้อนและตรงไปตรงมา ทุกคนที่เกี่ยวข้องที่นี่ยอดเยี่ยมมาก โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ค่อยคุ้นเคยกับ Ellen Crawford, William Katt แต่ก็เหมือนกันสำหรับพวกเขา

ผู้เขียนบท เจอโรม บิกซ์บี ซึ่งเสียชีวิตไปหลายปีก่อนที่จะมีการสร้าง The Man from Earth (2007) คนอมตะฝ่าหมื่นปี มีเครดิตที่โดดเด่นมากในชื่อของเขา และบทภาพยนตร์นี้ก็อาจเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เช่นเดียวกับผู้กำกับ Richard Schenkman

ผู้ซึ่งรายชื่อผลงานในอดีตของเขาดูเหมือนว่าจะจบลงในเรื่องนี้ งานกล้องของเขาที่นี่เรียบง่ายและไม่ธรรมดา แต่เขาจับจ้องไปที่นักแสดงแต่ละคนอย่างตั้งใจตามที่บทภาพยนตร์ต้องการ แม้ว่าภาพยนตร์จะละทิ้งความรู้สึกของไดนามิกอย่างมีสติ แต่จังหวะสุดท้ายของเรื่องราวก็จะถูกบอกเล่าด้วยปากกาในขณะที่กล้องถ่ายทอด และเป็นจุดเด่นที่ยอดเยี่ยม

ผู้กำกับ

• Richard Schenkman

บริษัท ค่ายหนัง

• Falling Sky Entertainment

นักแสดง

• David Lee Smith
• Tony Todd
• John Billingsley
• Ellen Crawford
• Annika Peterson
• William Katt
• Alexis Thorpe

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

งานเลี้ยงอำลาศาสตราจารย์จอห์น โอลด์แมนอย่างกะทันหันกลายเป็นการสอบสวนอย่างลึกลับ หลังจากที่นักวิชาการผู้เกษียณอายุได้เปิดเผยให้เพื่อนร่วมงานของเขามีอดีตที่ยาวนานและแปลกประหลาดเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดร. จอห์น โอลด์แมน ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เปิดเผยแก่เพื่อนร่วมงานของเขาว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นอมตะ มีอายุ 14,000 ปี ขณะที่เรื่องราวดำเนินไป ดร.โอลด์แมนได้เปิดบทสนทนนาเชิงปรัชญากับเพื่อน ๆ ของเขาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศาสนา และแก่นแท้ของมนุษยชาติ ตลอดหนังเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องราวอยู่ในกระท่อมอันห่างไกล ดึงดูดและจับให้คุณผ่านการเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนา และค่อยๆ เผยความลึกลับที่อยู่รายรอบของดร. โอลด์แมน

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

SHOOTER (2007) คนระห่ำปืนเดือด

Buried (2010) คนเป็นฝังทั้งเป็น

The Third Man (1949) ใครคือฆาตกร

Witchboard 2 The Devils Doorway (1993)

Dark Matter (2024)