Bumblebee (2018) บัมเบิ้ลบี

ดูหนังฟรีออนไลน์ใหม่ Bumblebee (2018) บัมเบิ้ลบี

รีวิวหนัง

หนังโปรดของข้าพเจ้า

Bumblebee (2018) เข้าฉายแล้ววันนี้

คาดหวังเยอะไปหน่อยว่าจะเป็น The Iron Giant ของพ.ศ.นี้ แล้วก็ไม่รู้จะมองเป็นจุดดีหรือจุดด้อยตรงที่ถึงแม้ Bumblebee จะเป็น prequel ของ Transformers แต่อุตส่าห์เปลี่ยนผู้กำกับทั้งทีไหงยังคงกลิ่นอายไมเคิล เบย์ อยู่เยอะพอสมควร การเล่าเรื่องและบทหนังก็ยังธรรมดาเอามาก ๆ คือดีกว่าสมัยเบย์ทำแน่อยู่ละ แต่ก็คาดหวังว่าการเปลี่ยนคนกำกับจะได้ทิศทางใหม่ ๆ มากกว่านี้สักหน่อย สิ่งที่ดูจะโดดเด่นออกมาคงมีเพียงแค่ลักษณะของหุ่นยนต์บัมเบิลบีที่มีหัวใจใกล้เคียงจะเป็นมนุษย์มากกว่าจะเป็นแค่หุ่นกระป๋อง (แต่ตัวอื่น ๆ ก็ยังดูแห้งเหมือนเดิม), สามารถสร้างปมให้ตัวละครน่าเอาใจช่วยแม้จะยังเล่าไม่ค่อยลงตัวเท่าไร, ดูจะเป็นงานหินเหมือนกันที่ต้องให้นางเอกพูดคนเดียวค่อนข้างเยอะ แบกหนังพอไปรอดอยู่ บัมเบิ้บีเองยังสื่อสารเป็นท่อนเพลงอยู่เลย แต่ที่สงสัยอยู่อย่างหนึ่งคือนางเอกเป็นเด็กอายุ 18 แน่นะ ใจกล้าใจสู้ไม่กลัวตายผิดมนุษย์มาก จากที่หนังมันควรจะโฟกัสเป็นเรื่องมิตรภาพระหว่างคนธรรมดากับหุ่นยนต์หัวใจมนุษย์ เลยแทบจะกลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อยู่แล้ว

จะบอกว่าเป็น coming of age สไตล์ Transformers ก็ไม่น่าผิดอะไร ตัวละคร ‘ชาลีย์’ (Hailee Steinfeld) ถ้าไปอยู่ในหนังวัยรุ่นปกติก็คงเป็นหนังก้าวพ้นวัยได้ไม่ยาก ทั้งความเศร้าหลังการสูญเสียพ่อที่เธอต้องพยายามผ่านมันให้ได้ด้วยตัวเอง, การเปิดใจให้ครอบครัวเดิมเพิ่มเติมคือพ่อเลี้ยง, การเป็นวัยรุ่นที่ไม่ได้เติบโตมาจากครอบครัวฐานะดีอะไร ต้องทำงานหลายอย่างเพื่อเก็บเงิน, แน่นอนว่าหนังสไตล์นี้ย่อมมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ด้วยความเป็นหนังตระกูล Transformers จึงมีเพิ่มเติมเรื่องราวมิตรภาพระหว่างคนกับหุ่นยนต์เข้าไปสักหน่อย แถมช่วงท้าย ๆ ยังถูกใช้เป็นตัวคลี่คลายปมในใจตัวละครด้วย ในทางหนึ่งของหนังมันพูดเรื่องการพบแล้วต้องลาจาก ไม่มีอะไรจะคงอยู่กับเราไปได้ตลอดกาล เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ซึ่งในความเป็นจริงก็ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับเรื่องนี้กันได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความผูกพันกันมาก ๆ เพียงแต่การเล่าของ Bum ble bee นั้นมีปัญหาตอนคลี่คลายง่ายไปหน่อย อาจจะด้วยช่วงแรกปูพื้นมาค่อนข้างโอเคเพราะหนังให้เวลาสำรวจตัวละครและสร้างดราม่าขึ้นมา แต่ช่วงท้ายหนังต้องเปลี่ยนไปขายแอ็คชั่นด้วยเลยถือโอกาสเอาช่วงแอ็คชั่นมาใช้คลี่คลายปมในใจตัวละครไปด้วยเสียเลย ทั้งฉากทหารขับรถไล่ล่าแล้วครอบครัวมาช่วยขัดขวางและการช่วยเหลือบัมมเบิลบี

ส่วนแอ็คชั่นในหนังหุ่นยนต์ไซส์ยักษ์แบบตระกูล Transformers มันหมดความรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปแล้วแฮะ อาจจะด้วยความสร้างสรรค์ของคนสร้างก็เริ่มจำกัด แล้วมันก็แพทเทิร์นเดิม ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร คืออย่างภาคแรกที่ฉายปี 2007 มันสดใหม่เลยยังรู้สึกว้าว หรือภาคสองตอนฉากเปิดเรื่องก็ยังว้าวอยู่ แต่หลังจากนั้นมันไม่เหลืออะไรให้รู้สึกทึ่งอีกแล้ว ดังนั้นด้วยสเกลหนัง ที่เล็กลงเหลือแค่หุ่นยักษ์ไม่กี่ตัวสู้กันในพื้นที่จำกัด การลดทอนแอ็คชั่นและความตูมตามลงเพื่อไปเพิ่มเวลาให้มิตรภาพของคนกับหุ่นยนต์จึงอาจจะเป็นเรื่องดีของหนังไปเลยก็ได้

Director: Travis Knight (ผู้กำกับ Kubo and the Two Strings)

story: Christina Hodson

screenplay: Christina Hodson

Genre: action, adventure, sci-fi

7/10

ท่าน เมลีโอดัส

รีวิว Bumblebee (2018) (คะแนน 7.5/10)

กับเรื่องราวที่ บัมเบิลบี ต้องลงมาอาศัย​บนโลกเป็นครั้งแรก และเป็นอีกอารมณ์​ของหนังหนึ่งที่ความอลังการ​อาจจะไม่หวือหวา​อะไรเหมือนภาคหลักแต่ก็ทำออกมาได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกออพติมัส ไพรม์จะมารวมตัวที่โลกนั้นเองครับ

เด็กก็พอดูได้ ผู้ใหญ่ดูเพลิน ยังคงมีกลิ่นอาย​การออกแบบตัวละครในแบบฉบับการ์ตูนอยู่ เมื่อวานดูจบก็กลับบ้านอาบน้ำนอนเลยอาจจะรีวิวช้าแต่ก็มาแล้วนะ

ก็แค่คนชอบดูหนัง

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร

[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]

ดูได้เพลินๆ Action สนุก ดูง่ายไม่ลายตาแบบแยกฝ่ายไม่ออกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่บทอาจจะธรรมดาไปนิด ติด Play Safe เกินไป เลยทำให้หนังไม่มีอะไรให้รู้สึกว้าวมากนัก

หนังเล่าเรื่องราวต่อจาก Bumblebee (2018) โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ Transformer ทั้ง 5 ภาคของ ไมเคิล เบย์ แต่อย่างใด เป็นเรื่องราวที่เส้นเรื่องหลักไม่ได้มีอะไรพิเศษพิสดารมากนัก กับการที่มนุษย์ที่เป็นตัวเอก ต้องจับพลัดจับผลูไปร่วมภารกิจกอบกู้โลกกับเหล่า Transformers ฝ่ายดี โดยในภาคนี้มีหุ่นตัวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นในภาคไหนมาขายของเล่น เอ้ย มาให้ตื่นตาตื่นใจกันมากมาย

#ความรู้สึกโดยรวมหลังสดับรับชม..

..ไม่รู้จะว่ายังไงดี จะบอกว่าสนุกก็สนุกอยู่แหละ แต่มันสนุกแบบไปเรื่อยแบบไม่มีจุดพีคให้รู้ไฮป์เท่าไหร่ ส่วนตัวมองว่าในส่วนของบทยังต้องปรับปรุงอีกเยอะ

แอบเสียดายที่อุตส่าห์ Reboot จักรวาลใหม่ และเริ่มต้นได้ดี Bubblbee แล้วแท้ๆ แต่กลับโยนเสน่ห์ความเป็น Transformers (ด้านดีๆ) ทิ้งไปหมด โดยเฉพาะสายสัมพันธ์มนุษย์กับหุ่นยนต์คือไร้เคมีความเข้ากันโดยสิ้นเชิง มิติตัวละครก็เบาบางมาก

จุดหนึ่งที่ชอบในบทของภาคนี้ คือการกระทำต่างๆ ของตัวละครไม่ได้น่ารำคาญแบบน่าตบกบาลมากนัก ไอ้จุดที่น่าด่า หนังก็ชิงด่าตัวเองก่อนแล้ว (ก็รู้หนิ!) เลยพอจะทำเป็นมองข้ามไปได้

ส่วนตัวเราไม่ชอบบทพาร์ทของมนุษย์ในภาคนี้เลย รวมไปถึงแคสติ้งเอง ก็ไม่สามารถดึงเสน่ห์ให้ตัวละครน่าจดจำได้ แบบถ้าภาคต่อไปเปลี่ยนคนแสดง หรือเปลี่ยนตัวเอกไปเลย ก็ไม่รู้สึกเสียดายอะไร

อีกจุดที่ชอบ คือชอบดีไซน์หุ่นในภาคนี้มาก โดยเฉพาะเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ใครมีลูกบอกเลยฉิบหายแน่นอนถ้าเดินผ่านโซนของเล่น 555555 แต่ทั้งนี้ก็มีจุดที่เสียดาย เพราะบางดีไซน์มีบทออกมาน้อยเกินไป เลยทำให้หนังไม่มีจุดให้ฟินได้สุดสักที!

#สรุป.. ส่วนตัวเฉยๆ กับภาคนี้ ไม่ดี ไม่แย่ มันสนุกแบบพอดูได้เพลินๆ สามารถบอกได้ว่าหนังโชคดีได้ความเป็น Transformers แบกไว้ ไม่งั้นจะกลายเป็นหนังแอ็กชั่นดาดๆ มากกว่านี้อีก ใจอยากจะให้คะแนนความชอบราวๆ 6.5/10 แต่เลือกจะปัดเศษขึ้นให้ เพราะถ้าจะปัดลงก็รู้สึกว่ามันน้อยเกินไป

หากถามว่า ควรจะดูเรื่องนี้ไหม ? สำหรับคนที่ยังชอบหนังแฟรนไชส์นี้ และยังพร้อมเปิดใจกับภาคใหม่ๆ ในอนาคต ยังไงก็ควรจะดูในโรงสักครั้งในชีวิตครับ หนังสเกลใหญ่แบบนี้รอดูในจอเล็กๆ ได้ไง โดนตกแล้ว 1 ครั้ง เหมือนต้องตามดูตลอดไป 😂

ส่วนตัวหากยังมีภาคต่อไป ก็ยังอยากจะรีบไปดู Day 1 อยู่นะ แต่อยากให้เปลี่ยนผู้กำกับและทีมเขียนบทหน่อย!

ปล. มีฉากพิเศษคั่นระหว่าง End Credit 1 ฉากครับ

Movie Life รีวิวหนัง

Bumblebee (2018) 8.5/10

#เรื่องย่อ

จะเป็นการเล่าเหตุการณ์ช่วงปี 1987 ซึ่ง บัมเบิลบี หลบซ่อนตัวอยู่ในที่ทิ้งขยะในเมืองชายทะเลเล็ก ๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมี ชาลี เด็กสาวที่กำลังค้นหาตัวตนของตัวเอง ได้พบเจอ บัมเบิลบี ในสภาพชำรุดทรุดโทรม จากนั้นก็ลงมือซ่อมมันทำให้เธอได้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่รถเต่าโฟล์คทั่วไป

#รีวิว

โอ้ยเป็นหนังที่ดีเกินขาดไม่เน้นการต่อสู้แต่เน้น เรื่องราวซึ่งหนังเล่าเรื่องราวความเป็นมาของบัลเบิ้ลได้อย่างดีเยี่ยมและทำให้เรารู้จักกับบับเบิ้ลบีได้มากขึ้นทั้งเรื่องชื่อและทำไมออโต้บอทถึงมาโลกและสิ่งๆที่ขาดไม่ได้คือหนังเล่าเรื่องและแสดงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชาลีกับบัลเบิ้ลบีเป็นอะไรที่ดีมากๆ ถึงแม้จะกินเข้าไปครึ่งเรื่องก็ตามสำหรับใครที่ต้องการซึมซับเนื้อเรื่องละก็แนะนำเลยส่วนการสู้หรือเอฟเฟคนั้นถึงจะมีน้อยแต่ในแต่ละฉากก็ทำให้แอดมินตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างดี

Movies Delight Club

Bumblebee (Travis Knight, 2018).

คะแนน B

” Bumblebee ทรานส์ฟอร์มเมอร์สที่มีหัวใจ” พอดูจบแล้วต้องเข้าไปค้นว่า ‘ทราวิส ไนท์’ เคยกำกับภาพยนตร์อะไรมาก่อน แล้วก็พบว่าคือผู้กำกับแอนนิเมชัน ‘Kubo and the Two Strings’ เราจึงไม่แปลกใจเลยที่ตัวหนังมีชีวิตชีวา และเข้าถึงความเป็นครอบครัวได้ขนาดนี้  ในเรื่องกลายเป็น ทรานส์ฟอร์มเมอร์สที่มีหัวจิตหัวใจมากที่สุดตั้งแต่เคยดูมา ทำให้ได้ดูแค่นี้ก็ถือเป็นความน่ายินดีมากแล้ว หลังจากที่ได้ดูแต่ฉากระเบิดตูมตามไร้สาระมากมายมาตลอด แม้ว่าหนังก็ยังมีฉากตูมตามอยู่เหมือนเดิม แต่พล็อตเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสาวน้อยกับหุ่นยนต์ สร้างรอยยิ้มและส่งมอบความสบายใจ กับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวที่กำลังก้าวผ่านพ้นวัย คือโจทย์ที่ตัวหนังทำได้สำเร็จอย่างไม่มีข้อสงสัย

สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดนอกจากความน่ารักน่าชังของ ‘Bumblebee’ การแสดงของ ‘เฮลีย์ สไตน์เฟลด์’ คือส่วนช่วยแบกหนังทั้งเรื่องและทำให้ตัวหนังมีความประนีประนอมเข้าถึงง่าย อารมณ์ต่างๆจากตัวละครตัวนี้ส่งถึงเราและทำให้เราคล้อยตามไปกับความสัมพันธ์ทั้งหมด แบบที่หนังทรานส์ฟอร์มเมอร์สไม่เคยมี เพราะปกติจะมีแต่สาวนมโตมาให้ดูอย่างเดียว ไม่มีความเป็นมนุษย์มีจิตใจอะไร แต่สำหรับ ‘Bumblebee’ การมีตัวละครเด็กสาวที่กำลังจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตและปรับตัวอยู่กับคนรอบข้าง คือหัวใจที่ทำให้เรารู้สึกชอบงานนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวหนังเลือกใช้ดนตรีประกอบและจังหวะเล่นมุขตลกที่พอเหมาะพอดี

ท้ายสุด แม้ว่าจะยังมีความเลอะเทอะของการต่อสู้ระหว่างทรานส์ฟอร์มเมอร์สด้วยกันแบบที่เคยๆเห็นมาจนเบื่อ แต่ตัวหนังกลับมีอารมณ์ชวนสบายๆดูได้เพลินๆ และคล้อยตามไปกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร มีเค้าโครงและพล็อตเรื่องที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ดี มีนักแสดงสาวน้อย ‘เฮลีย์ สไตน์เฟลด์’ ที่ให้การแสดงที่ดีมากๆ ทั้งหมด คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส’ ได้เวลาเปลี่ยนมือและถึงเวลา(นาน)แล้วที่ ‘ไมเคิล เบย์’ จะไปกำกับและสร้างอะไรที่ระเบิดตูมตามเรื่องอื่นเสียที…

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ 🙂

ผู้กำกับ

Travis Knight

บริษัท ค่ายหนัง

• Allspark Pictures
• Di Bonaventura Pictures
• Tencent Pictures

นักแสดง

•  Hailee Steinfeld
• John Cena
• Jorge Lendeborg Jr.
• John Ortiz
• Jason Drucker
• Pamela Adlon

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ เรื่องราว เริ่มต้นที่นอกโลก ในดาวไซเบอร์ตรอน ซึ่งกำลังเกิดสงครามครั้งใหญ่ ทำให้เหล่า ออโต้บอท ต้องออกมาร่วมกันสู้ศึกนี้ นำทีมโดย ออพติมัส ไพรม์ และ ฝ่ายที่จู่โจมคือ ดีเซปติคอนส์กลุ่มวายร้ายผู้หวังครองจักรวาล และ ทำให้ฝ่าย ออโต้บอท ต้องอพยพออกจาก ดาวบ้านเกิด เพื่อไปซ่อนตัวจากพวก ดีเซปติคอนส์ และ ระหว่างการอพยพ ออพติมัส ไพรม์ ได้ส่ง B-127 หรือ บัมเบิลบี มอบหมายเขาไปยังบนโลกมนุษย์ เพียงลำพัง แต่แล้ว พวก ดีเซปติคอนส์ ก็ได้ตาม บัมเบิลบี มาบนโลก เพื่อสังหาร เลยเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด และ ทำให้ บัมเบิลบี ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบ แถมยังสูญเสียกล่องเสียงไปอีกด้วย ต่อมาในปี 1987 ได้มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ชาร์ลี วัตสัน และ ด้วยความบังเอิญได้ไปเจอกับ รถโฟล์คเต่าสีเหลืองคันหนึ่งอยู่ในโรงเก็บขยะ และ ในที่สุด เธอก็ได้รถโฟล์คคันนี้เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 18 ปี ของเธอ และ จากนั้น ชาร์ลีได้รู้ความจริงว่า บัมเบิลบีไม่ใช่แค่รถเต่าธรรมดาเลย และ เกิดเป็นมิตรภาพของพวกเขา

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Fast and Furious 9 (2021) เร็ว…แรงทะลุนรก 9

FAST X (2023) เร็ว…แรง ทะลุนรก 10

The Fast and the Furious 1 (2001) เร็ว…แรงทะลุนรก

2 Fast 2 Furious (2003) เร็ว…แรงทะลุนรก: เร็วคูณ 2 ดับเบิ้ลแรงท้านรก

The Fast and the Furious 3 Tokyo Drift (2006) เร็ว…แรงทะลุนรก ซิ่งแหกพิกัดโตเกียว