Greenland (2020) นาทีระทึก..วันสิ้นโลก รับชมฟรีทุกเรื่อง

เรื่องย่อ : Greenland (2020) นาทีระทึก..วันสิ้นโลก ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

หนังฝรั่ง
Action หนังแอคชั่น
Thriller หนังระทึกขวัญ

ดูหนัง Greenland (2020) นาทีระทึก..วันสิ้นโลก

รีวิวหนัง

I watch movies a lot.

Greenland (2020)

Director: Ric Roman Waugh

เป็นหนังแนวที่แทบไม่เหลืออะไรแปลกใหม่ให้เล่าแล้ว แต่ทุกครั้งที่เข้าฉายก็มักจะเป็นที่สนใจของคนดูไม่น้อยสำหรับหนังแนวภัยพิบัติ วันสิ้นโลก ซึ่ง Greenland ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ริค โรมัน วอห์น (Angel Has Fallen) ที่กลับมาร่วมงานกับ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ เป็นเรื่องที่สอง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนังตามสูตรของหนังแนวนี้นับตั้งแต่ที่เห็นในตัวอย่าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าหนังเรื่องค่อนข้างเป็นอีกเรื่องที่น่าดูไม่น้อย

หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ จอห์น แกร์ริตี้ วิศวกรฝีมือดี ที่เคยเป็นผู้ออกแบบตึกระฟ้ามามากมาย ด้านการงานที่กำลังรุ่งเรืองนั่นเอง ชีวิตรักของเขากลับไม่เป็นแบบนั้น เขาและภรรยากำลังอยู่ในช่วงความรักที่อิ่มตัว ทั้งสองพูดคุยกันน้อย และแทบจะไม่ได้นอนด้วยกัน สิ่งเดียวที่ประคองความรักของทั้งคู่ คือ นาธาน ลูกชายวัยเจ็ดขวบที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งทั้งคู่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ แต่เหตุการณ์สุดระทึกก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อในช่วงนั้นเองมีข่าวการเคลื่อนตัวของดาวหางดวงหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวมายังโลก ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก

จนเมื่อดาวหางตกมายังโลก สิ่งที่เกิดขึ่นกลับร้ายแรงกว่าที่คิด เพราะมันได้ก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่ทำลายเมืองทั้งเมืองได้ในเวลาอันสั้น ด้าน จอห์น ที่เป็นวิศวกร ก็ได้รับโทรศัพท์จากหน่วยงานของประธานาธิบดี ที่แจ้งสิทธิว่าเขาและครอบครัว ได้รับเลือกเพื่อเดินทางไปยังที่หลบภัย ที่จะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากการโดนผลกระทบของดาวหางดวงต่อไปที่กำลังจะตกลงมาที่โลก แต่เมื่อโควต้าผู้ได้ไปยังที่หลบภัยกลับมีจำกัด คนที่ไม่ได้รับเลือกต้องพยายามดื้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด การเอาชีวิตรอดของ จอห์น และครอบครัว ท่ามกลางผู้คนที่ต่างพยายามเอาชีวิตรอดก็ได้เริ่มขึ้น

ต้องบอกก่อนเลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังภัยพิบัติฟอร์มยักษ์อย่าง 2012 ที่จะเน้นไปที่ความเวอร์วังอลังการ และฉากบ้านเมืองพังทลาย เพราะ Green land เป็นหนังที่มีฉากเหล่านั้นน้อยมาก แต่สิ่งที่หนังเลือกเน้นที่จะเล่าคือสภาพของบ้านเมือง และผู้คนที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์คับขัน ซึ่งประเด็นนี้ก็มีใน 2012 เหมือนกันในพาร์ทของเรือที่รับเฉพาะคนรวย ในเรื่องนี้หนังได้พยายามหยิบประเด็นนั้นมาขยี้ มาเป็นจุดดำเนินของหนัง

หนังพยายามเน้นความสมจริงของสถานการณ์ภัยพิบัติ ตั้งแต่บทบาทของทหาร แพทย์ พยาบาล และบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแบ่งแยกตำแหน่ง ชนชั้น ของกลุ่มคนบางกลุ่ม ที่ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียม หนังได้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ นอกจากนี้ประเด็นนี้ยังทำให้ตัวละครทุกตัวที่ปรากฏขึ้นในเรื่องแทบจะไม่มีคนดีจริง ๆ ให้เราได้เห็น แม้แต่ตัวละครครอบครัวของพระเอก ที่ในช่วงแรกต้องยอมทอดทิ้งคนอื่นไว้เบื้องหลังเพื่อให้เขามีชีวิตรอด

แม้หนังจะไม่ได้มีฉากแอคชั่น วินาศสันตะโร แต่หนังก็กระหน่ำความสนุก ความน่าติดตามมาแบบไม่ยั้ง โดยเฉพาะในช่วงองก์ 1-2 ที่หนังได้สร้างสถานการณ์ต่าง ๆ มาให้ตัวละครต้องแก้ไข ต้องรับมือ จนเราลุ้นระทึก และกดดันไปกับตัวละคร พร้อมทั้งค่อย ๆ พาคนดูไปเห็นความวิปลาสของผู้คน ที่เราแทบจะคาดเดาไม่ได้ว่าใครจะเป็นมิตร หรือศัตรู ส่วนฉากดาวหางถล่มเมือง หรือฉากระเบิดใหญ่ ๆ ของหนัง แม้จะน้อย แต่ทุกฉากก็เล่นใหญ่สมกับเป็นจุดพีคของเรื่องมาก ๆ

ดราม่าครอบครัวในเรื่อง แม้จะไม่แปลกใหม่สำหรับหนังแนวนี้ แต่หนังสามารถสร้างความรู้สึกให้คนดูลุ้นไปกับสามพ่อแม่ลูก ได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยความที่หนังใช้สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งนักแสดงรับเชิญ และนักแสดงสมทบ ด้าน เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ และโมเรน่า บัคคานิ สามารถถ่ายทอดบทพ่อ และแม่ได้ดีเกินคาด การแสดงของทั้งสองสามารถช่วยกันแบกหนังเรื่องนี้ให้ไปถึงฝั่ง

จุดด้อยของหนัง หลัก ๆ คือฉากตระการตาของภัยพิบัติที่หนังมีน้อยมาก ๆ นั้น ส่วนใหญ่เป็นฉากที่เราเห็นในตัวอย่างไปหมดแล้ว ทำให้เมื่อเห็นในหนังเต็ม ๆ ส่วนเพิ่มเติมเหล่านั้นมีเพียงน้อยนิด จนแทบไม่มีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์ในส่วนนี้ นอกจากนี้หนังยังเลือกที่จะเล่าเหตุการณ์ส่วนใหญ่เป็นฉากในช่วงเวลากลางคืน ทำให้ฉากแอคชั่น หรือฉากลุ้นระทึกบางฉาก ออกมาดูมืด จนแทบมองไม่เห็น

และถึงแม้ว่าพาร์ทการถ่ายทอดจิตใจคนจะทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่พาร์ทที่เป็นดราม่าในช่วงท้ายเรื่องที่น่าจะทำให้คนดูประทับใจ กลับไม่สามารถทำออกมาดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด หนังพยายามเล่นอารมณ์ความสัมพันธ์พ่อลูก หรือปู่หลาน ออกมาในอารมณ์เดียวกับ Angel Has Fallen แต่เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์ของหนังที่อารมณ์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำให้ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นดราม่าที่จำเจ และไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมกันคนดูได้

โดยรวม อาจไม่ถึงกับเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์อย่างที่หลายคนคิด แต่ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่านี่เป็นหนังที่ดูสนุกมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง หนังถ่ายทอดความเห็นแก่ตัวของมนุษยฺออกมาได้อย่างสมจริง และเต็มไปด้วยความน่าสะเทือนใจ

หมาเเกะหนัง

Greenland (นาทีระทึก…วันสิ้นโลก)

รีวิวหนังจากโรง (สมจริงดี)

(ไม่สปอยล์)

ความยาว: 119 นาที

ประเภท: ดราม่า/ระทึกขวัญ/เเอ็คชั่น
ผู้กำกับ: ริค โรเเมน วอล

Greenland คือภาพยนตร์ภัยพิบัติที่เเท้จริงเเล้วจะได้คริส อีเเวนส์มารับบทนำนี้ เเต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นเจอร์ราร์ด บัทเลอร์ครับ

เรื่องย่อ: เมื่ออุปกะบาตตกลงมาที่โลกเเละทำให้โลกจะเเตกในอีกไม่กี่วัน ครอบครัวหนึ่งจึงต้องหนทางเอาตัวรอดให้ได้

รีวิว: สารภาพเลยนะ ตอนเเรกเข้าไป เข้าใจว่าจะเป็นหนังเอาตัวรอดจากภัยพิบัติที่เหมือนกับ Armageddon หรือหนังเรื่องอื่นๆ เเต่ดูจบผมเฉยๆนะ ถามว่า หนังสนุกไหม สนุกครับ เเต่อาจจะไม่ถูกใจทุกคนเพราะมันเน้นไปที่เเนวดราม่าที่เสียดสีสังคมที่ผู้คนนั้นเอาตัวรอดเเละเเสดงให้เห็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ สิ่งที่น่าติเลยคือซีจีที่ทำได้ลอยพอสมควร เเละเนื้อเนื้อเรื่องที่เเทบจะเดาได้มากครับ เเต่ถามว่าเเต่ละฉากตื่นตาไหม ก็ตื่นตา เเต่เเค่ซีจีจะขัดเเค่นั้นเอง ส่วนนักเเสดงเอาอยู่ครับ ไม่มีปัญหาเลย รวมเเล้ว หนังดูเพลินเเละเน้นไปที่การเอาตัวรอดที่ทำได้สมจริง ซึ่งจุดนี้ชอบที่หนังไม่เวอร์เเละไม่เกินจริงมากไป

– ความจริงจังทำออกมาได้ดีเเละไม่หลุดโทน

– นักเเสดงเข้ากับบทบาทมากๆ

– ฉากอลังการทำได้ดี เเต่น้อยเเละซีจีลอยพอสมควร

– ฉากระทึกเเละฉากดราม่าสร้างบรรยากาศที่ดี

– ความสมจริงที่ใส่มาให้หนังดูเข้าถึงได้

– บทดูสูตรสำเร็จไปหน่อย

– ช่วงท้ายๆค่อนข้างเนิบพอสมควรเลย

– ไม่ใช่เเนวที่อลังการที่ทุกคนจะชอบ

– ซีจีลอยเยอะ พอสมควร

– บางฉากตัดต่อได้ค่อนข้างไวพอสมควร

เอาไป 7/10

Me Review – มีรีวิว

รีวิว Greenland นาทีระทึก..วันสิ้นโล

“เปิดอีกมุมมองของหนังวันสิ้นโลกได้น่าสนใจ ดิบ ๆ บ้าน ๆ ตีแผ่ทั้งด้านดีและร้ายของคนในสังคมได้ดี”
Greenland เป็นหนังภัยพิบัติล้างโลกอีกเรื่องที่เล่าถึงการพยายามเอาชีวิตรอด และสะท้อนสันดานดิบของมนุษย์ในช่วงวาระสุดท้ายที่ผู้คนรู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ยังไม่ตาย เหลือเวลาอีกน้อยนิด เราจะเลือกที่ทำอะไรกัน
โดยปกติแล้วหนังวันสิ้นโลกมักจะไปโฟกัสกลุ่มบุคคลพิเศษ เช่น แข็งแรงเป็นพิเศษ ฉลาดเป็นพิเศษ เป็นผู้นำประเทศ หรืออะไรทำนองนั้น จึงมักจะมีแนวโน้มที่ตัวเอกของเรื่องได้อยู่ในสถานการณ์สำคัญ ๆ ของภัยพิบัติอยู่เสมอ แต่กับเรื่องนี้นั้น หนังกลับค่อย ๆ เล่า ภาพรวมของเหตุการณ์ และเล่นกับความไม่รู้ของประชาชนมากกว่า

หนังเก็บหลาย ๆ ประเด็นของวันสิ้นโลกมาแสดงได้ค่อนข้างดี แต่ก็ทำให้หนังมีความยืดและไม่กระชับในบางช่วงเช่นกัน ดราม่าและความใจร้ายของคนที่อยู่ในหนังบางช่วงบางตอน ก็ทำให้รู้สึกกดดัน และหดหู่เบา ๆ ได้เหมือนกัน แต่หนังก็มีด้านดี ๆ ของมนุษย์ให้เห็นเช่นเดียวกัน เรียกว่ากระจายเรื่องราวออกไปให้เห็นภาพหลาย ๆ แบบในช่วงเวลาก่อนถึงวันสิ้นโลกจริง ๆ

โดยรวมใครชอบหนังภัยพิบัติ ผมคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นทางเลือกสำหรับคนที่เบื่อแนวภัยพิบัติแบบเดิม ๆ ที่ตัวเองจะต้องเก่งเทพ หรือตีแผ่แต่ด้านมืดของมนุษย์อย่างเดียว เพราะหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของมนุษย์ปุถุชนที่มีครอบครัว และมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ถ้าสนใจก็ไปติดตามกันได้ครับ หนังจะเข้าฉายวันที่ 24 กันยายนนี้