ดูหนังออนไลน์ เต็มเรื่อง หนังใหม่อัพเดททุกวัน ฟรี HD ชัด

ดูหนังออนไลน์ moviehd24 หนังใหม่HD ดูหนังเต็มเรื่อง2024 ซีรี่ย์ออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี

google search

Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

ปีที่ฉาย : 2014
เสียง : พากย์ไทย
Episode : -
imdb 6.6
ความคมชัด :
Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

ดูหนังออนไลน์ Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

เรื่องย่อ : Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1 ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่ ดูหนังHD ดูหนังฟรี MovieHD24 หนัง2024 หนังออนไลน์ Full HD

ดูหนัง Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

รีวิว

Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

รีวิวกระทู้ pantip Mocking J

[CR] ******[รีวิว] The Hunger Games: Mockingjay – Part 1 [ 3/5 ดาว ] [ไม่สปอยล์]******

เนื้อเรื่องต่อจาก Catching Fire เมื่อแคทนิสสวมบทบาทเป็นม็อกกิ้งเจย์เพื่อก่อการปฏิวัติแคปิตอล ผลจากการสูญเสีย กำลังใจที่จะฝ่าฝันอุปสรรคทำให้หญิงสาวผู้มากับไปกลายเป็นกุญแจสำคัญของการลุกฮือประชาชนจากทุกเขต ฝ่ายแคปิตอลก็ไม่รามือเช่นกันเมื่อประธานาธิบดีสโนว์ตอบโต้เหล่ากบฎทุกวิถีทางและทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย เหล่าเขต 13 จึงต้องหาหนทางทำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ประชาชนจากทุกเขตพร้อมใจกันต่อต้านและเอาชนะสงครามครั้งนี้

ก่อนอื่นเราต้องขอบอกก่อนเลยว่า เราเป็นแฟนคลับของภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆและอ่านหนังสือมาครบทุกเล่มก่อนที่จะดูภาพยนตร์ ทีแรกเราหวั่นใจมากที่ผู้กำกับตัดสินใจแยก Mockingjay ออกเป็น 2 พาร์ท ซึ่งผลที่ตามมานั้นอาจจะทำให้ภาพยนตร์อืดอาดเกินความจำเป็นหรือเปล่า ? แต่ตอนนั้นเราก็คิดในแง่ดีว่าฟรานซิสก็จงใจเพิ่มรายละเอียดไปให้ได้มากที่สุดเพื่ออรรถรสสูงสุดของการรับชมละมั้ง ? เราคิดว่ามันคงต้องออกมาดีแน่ๆ

แต่ผลปรากฏาว่าได้เป็นเช่นนั้นไม่! เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากได้รับชมมาจริงๆเป็นอย่างที่เราหวาดกลัวเอาไว้เกือบทั้งหมด 20 นาทีแรกของเรื่องเต็มไปด้วยความอืดอาดน่าเบื่อหน่าย ถ้าไม่ตั้งใจดูอาจจะหลับไปแล้วก็ได้ แต่สิ่งที่ยังพอดึงดูดเราเอาไว้ได้อยู่คือการแสดงของเจนลอว์ที่ถ่ายทอดทุกอารมณ์มาได้อย่างหมดจดและงดงามในทุกห้วงความรู้สึกกับสิ่งที่แคทนิสต้องเผชิญ ซึ่งเราขอชื่นชมเธอ ณ ในจุดนี้

สกอร์ของภาพยนตร์ยังใช้ซาวน์เดิมๆไม่ต่างจากภาคที่แล้ว แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญของภาคนี้คงหนีไม่พ้นเพลง Hanging tree ที่ทำเอาเราขนลุกขนพองเมื่อมันถ่ายทอดออกจากปากเจนลอว์ที่ได้รับบทแคทนิสในเรื่อง เราสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังของเธอ การพังทลายของทำนบจิตใจที่ค่อยๆแตกสลายเมื่อเธอผจญกับความสูญเสียทั้งหลายแหล่ที่อาจจะมากเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนนึงจะแบกรับเอาไว้ได้

เสียดายที่ Catching Fire สร้างมาตรฐานสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ซะสูงในความคิดเรา เมื่อ Mockingjay ถูกแบ่งออกเป็น 2 พาร์ท ทำให้ความสนุกลดฮวบเลยทีเดียว ถ้าเปรียบเทียบสำหรับหนังสือที่ Mockingjay ทำไว้ด้วยแล้ว ยิ่งไม่มีทางที่ภาพยนตร์ภาคนี้จะตีเสมอกับ Catching Fire ได้เลยจริงๆ เพราะหนังสือภาคนี้จะเต็มไปด้วยความหมองหม่น การสูญเสียที่เกินจะเยียวยา

แต่เราก็ชอบสิ่งที่หนังสือต้องการสื่อออกมาว่านี่แหละ … คือผลกระทบของเรื่องราวทั้งหมด สงครามนำมาซึ่งการสูญเสีย และการสูญเสียนำมาซึ่งความเจ็บปวดและรอยแผลเป็นอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

บอกตรงๆว่าเสียดายมากๆที่ภาคนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 พาร์ท เพราะจาก Part 1 ที่เราดูมา ถ้าตัดส่วนที่มันยืดยาดออกไปประมาณ 40% นั้น สามารถแทรก Part 2 ต่อท้ายได้อย่างสบายๆ เพราะ Mockingjay ไม่เหมือน Harry Potter and the Deathly Hollow ที่หนังสือมีความยาวอัดแน่นไปด้วยการผจญภัยที่ทุกจุดล้วนมีความสำคัญ หรือ Twilight : Breaking Dawn ที่หนังสือยังต้องซอยออกเป็น 3 เล่มย่อย เพราะเนื้อเรื่องถ่ายทอดผ่านมุมมอง เบลล่า-เจคอบ-เบลล่า และเนื้อหาก็ลากยาวเกินกว่าที่ 3 เล่มแรกทำเอาไว้

หลังจากดู Mockingjay จบ บอกได้ว่า … ไม่ได้ผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ประทับใจเหมือนกับสองภาคก่อนหน้านี้ แน่ละ ! ขนาดหนังสือภาคนี้ยังเป็นภาคที่สนุกน้อยที่สุดเพราะมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามากมาย แต่ภาพยนตร์สามารถทำให้มันดีขึ้นกว่าที่มันเป็นอยู่ได้อีก แต่เอาจริงๆ … ภาพยนตร์ถ่ายทอดออกมาไม่ได้ดีไปกว่าหนังสือเลย ไม่เหมือน Catching Fire ที่ทำให้ภาพยนตร์มีความ epic มากกว่าในหนังสือหลายเท่า ยังดีที่ Mockingjay มีการแสดงอารมณ์ที่เข้าถึงความรู้สึกของตัวละครอย่างมากของเจนลอว์มาช่วยเอาไว้ ไม่งั้นเราคงหลับไปตั้งแต่ 20 นาทีแรกของเรื่องแล้ว

สรุปได้ว่า … การแบ่งพาร์ทภาพยนตร์ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะมันอาจเป็นการทำลายภาพยนตร์เรื่องนั้นเลยก็ได้ แทนที่จะออกมาดี กระชับฉับไว เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ภาพยนตร์เรื่องนั้นอาจออกมาน่าเบื่อ เอื่อย และไร้ซึ่งความสนใจ นั่นทำให้เราเห็นอนาคตของภาพยนตร์อีกเรื่องอย่าง Divergent ภาค 3 Allegiant ซึ่งแบ่งเป็น Part 1&2 ในตัวหนังสือมีความน่าสนใจและเนื้อเรื่องมีรายละเอียดน้อยกว่า Mockingjay อีก ถ้าไม่เสริมบทเข้าไปใหม่ให้มันดีๆ ก็เตรียมวืดแบบ Mockingjay ภาคนี้ได้เลย

******ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวของเรา และเราเป็นแฟนคลับที่รักภาพยนตร์เรื่องนี้มากๆ ภาคที่แล้วน้ำตาซึมในโรงหนังเพราะปลื้มปริ่มที่สร้างออกมาดีกว่าหนังสือมากๆ และเราแทบจะยกให้ The Hunger Games เป็นนิยายอันดับแรกหนึ่งหมวก Dystopian Fiction เลยด้วยซ้ำ แต่งานมันออกมาเป็นยังไงก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ดีไม่ดีก็ขอพูดออกมาตรงๆ และสำหรับภาคนี้ก็สนุกน้อยที่สุดในบรรดาทุกภาคเลยก็ว่าได้ … ดูจบก็ดีใจที่จบๆซะที หนังสองชั่วโมงกว่าเล่นทำซะเราหิวข้าวเลย พร้อมกับเกือบจะลืมว่าวันนี้ได้ไปดู Mockingjay มา*********

ปล. เราดูแบบ Soundtrack เราไม่รู้ว่าพากย์ไทย เป็นไง แต่บางบรรทัด Soundtrack ก็แปลไม่ได้อารมณ์เลยเหมือนกัน ประโยคที่ตัวละครพูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกผ่านคำพูดมากมาย พอมาแปลไทยนี่บางประโยคอารมณ์ลดฮวบเลย

รีวิวกระทู้ pantip Mckario

[CR] Review — The Hunger Games: Mockingjay Part 1 — เมื่อเราไหม้ คุณต้องไหม้ไปกับเรา ! (เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน)

*** รีวิวนี้เปิดเผยเนื้อหาทั่วไปในย่อหน้าปกติ

และจะมีส่วนที่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ซึ่งเก็บไว้ในลิ้นชักสปอยล์ ***

อ่าน “15 ประเด็นน่ารู้ก่อนไปดู The Hunger Games: Mockingjay Part 1 + เกร็ดน่ารู้จากหนัง”

หลังจาก Catching Fire ปิดเรื่องราวเอาไว้ได้น่าตื่นเต้น ทำให้อยากดู Mockingjay Part 1 ต่อทันที แต่ต้องรอมาเกือบปีกว่าผลงานเรื่องนี้จะเข้าฉาย ในระหว่างนั้น ผมก็อ่านหนังสือ Mockingjay ไปพลางๆก่อน เพราะซื้อไว้ตั้งนานยังอ่านไม่จบซะที เนื่องจากเนื้อหาในหนังสือค่อนข้างที่จะน่าเบื่อไปซักหน่อย บทสนทนามากมาย เยอะกว่าหนังสือ 2 เล่มที่อ่านมาซะอีก ทำให้คิดไปล่วงหน้าแล้วว่า Mockingjay Part 1 ที่กำลังจะเข้าฉาย อาจน่าเบื่อก็เป็นได้ เพราะไม่รู้ว่าผู้กำกับจะแปลงจากตัวหนังสือไปเป็นภาพให้สนุกขึ้นได้อย่างไร

เรื่องราวของ Mockingjay ความจริงไม่น่าทำออกเป็นหนัง 2 ภาค เพราะเท่าที่อ่านมา เนื้อหาความสนุกจริงๆมันจะหนักไปทางท้ายเล่ม นั่นหมายความว่า ช่วงต้นๆเป็นเพียงแค่เกริ่นนำ ถ้าหยิบมาทำเป็นหนัง ก็จะให้อารมณ์คล้ายๆกับ Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 หนังภาคจบซีรีย์พ่อมดที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ภาค ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็วิ่งไปวิ่งมาในป่า ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นอย่างนั้นซะจริงๆ Mockingjay Part 1 ค่อนข้างน่าเบื่อ ให้อารมณ์เหมือนกับในหนังสือ ใครที่หวังว่าจะมีฉากแอ๊กชั่นเข้มข้นอย่าง 2 ภาคที่ผ่านมาก็ต้องกลับไปตั้งหลักใหม่ เพราะประเด็นที่เล่าไม่มีการแข่งขันเกมล่าชีวิตอีกต่อไปแล้ว

เรื่องราวสืบเนื่อง

ในฉากสุดท้ายของ Catching Fire หลังจากที่ แคทนิส ระเบิดสนามพลัง ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย เธอถูกจับตัวขึ้นไปบนยานฮูเวอร์คราฟท์โดยกองกำลังกบฏ ในขณะที่บรรณาการที่เหลือถูกจับไปโดยแคปิตอล แคทนิสได้รู้ว่าเธอถูกหักหลังโดย เฮย์มิตช์ อเบอร์นาธี พี่เลี้ยงของเขต 12 ที่วางแผนร่วมกับเขต 13, พลูตาร์ค เฮฟเว่นสบี ผู้คุมเกมคนใหม่ และบรรณาการอีกหลายคนในเกมล่าชีวิต เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่เธอไม่รู้มาก่อน เรื่องราวจบลงตอนที่เธอทราบว่า เขตการปกครองที่ 13 ที่หายสาบสูญไปแล้ว ยังมีชีวิตรอดจากการกบฏครั้งสุดท้ายเมื่อ 75 ปีที่ผ่านมา

เรื่องราวใน Mockingjay Part 1 กล่าวถึงเหตุการณ์หลังจากนั้น แคทนิสถูกพาตัวเข้าไปยังเขต 13 เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกับ ฟินนิค โอแดร์ บรรณาการเขต 4 ที่ร่วมแข่งขันกับเธอในเกมล่าชีวิตครั้งล่าสุด ในช่วงที่เธอฟูมฟักรักษาตัวหลังเหตุการณ์ระเบิดสนามพลัง แคปิตอลได้ส่งยานบินสังหารมาถล่มเขตการปกครองที่ 12 จนเหลือแต่ซาก ซึ่งทำให้หลายชีวิตต้องสูญสิ้นในกองเพลิง มีเพียงไม่กี่ชีวิตเท่านั้นที่มีชีวิตรอด เดินทางระหกระเหเร่ร่อนมาอยู่ในการดูแลของเขต 13 ในจำนวนนั้นมีแม่ของแคทนิส, พริมโรส น้องสาว และเกล ที่รอดชีวิตมาด้วย

แคทนิสที่บาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อรู้ว่าพีต้าไม่ได้หลบหนีมาพร้อมกัน จึงเป็นหนึ่งในแรงผลักที่ทำให้เธอยอมทำตามคำร้องขอจากเขต 13 ในฐานะ “ม็อกกิ้งเจย์” สัญลักษณ์แห่งการต่อต้านอำนาจแคปิตอล เครื่องมือปลุกระดมมวลชนพาเน็มด้วยการลุกขึ้นมาทวงอำนาจ และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในฐานะวีรสตรี ที่มวลชนพาเน็มทั้งหลายได้รู้จุดประสงค์ว่าพวกเขาจะต่อสู้ไปเพื่ออะไร

ประเด็นสำคัญ

เรื่องราวอันเข้มข้นในฉบับหนังสือเล่าถึงการสร้างโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ให้คำนิยามว่า การมีสื่อในมือสามารถสร้างความเพลี่ยงพล้ำให้แต่ละฝ่ายได้ ใครกุมสื่อได้ คนนั้นมีอำนาจ พยายามสร้าง propaganda เพื่อโน้มน้าวช่วงชิงอำนาจทางการเมือง โดยแต่ละฝ่ายมีตัวแทนที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งการปลุกระดมมวลชน แคทนิสกลายเป็น “ม็อกกิ้งเจย์” ให้กับฝ่ายกบฏ ในขณะที่ฝ่ายแคปิตอลมี พีต้า ที่พูดจาหว่านล้อมมวลชนให้หลงเชื่อได้ในคำพูดเพียงไม่กี่คำ

ทั้งในหนังสือและในหนังได้กล่าวไว้ว่า “อาวุธที่ร้ายแรงและน่ากลัวที่สุด คือสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด คือสิ่งที่เป็นที่รักมากที่สุด” คนรักใกล้ตัวของแคทนิสถูกใช้เป็นเครื่องมือปั่นหัวเธอและโน้มน้าวมวลชนในคราวเดียวกัน นี่คือการต่อสู้ที่เข้มข้นทางด้านความคิดและการแสดงสีหน้าแววตา จึงเป็นเหตุให้หนังภาคนี้มีแต่เรื่องราวการปลุกระดมมวลชน การสร้าง propaganda การช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ให้อารมณ์เหมือนสงครามเย็นที่รอวันกลายเป็นสงครามร้อน ไม่ได้มีแอ๊กชั่นตื่นเต้นเร้าใจอย่างใน 2 ภาคที่ผ่านมาเลย

สัญลักษณ์ที่สื่อออกมา

“ม็อกกิ้งเจย์” คือ นกพันธุ์ผสมระหว่าง แจ็บเบอร์เจย์ กับ ม็อกกิ้งเบิร์ด ในอดีตที่ผ่านมา นกแจ็บเบอร์เจย์เป็นนกตัวผู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยแคปิตอลเพื่อสอดแนมการกบฏของมวลชนพาเน็ม แจ็บเบอร์เจย์มีความสามารถในการจดจำและเลียนเสียงคำพูดของมนุษย์ เพื่อนำมาบอกเล่าแก่แคปิตอลได้ทุกคำพูด แต่ภายหลังมีประชาชนบางกลุ่มรู้ถึงความลับในข้อนี้ จึงพร่ำบอกแต่เรื่องที่บิดเบือนจากความจริง ส่งผลให้แคปิตอลทิ้งให้แจ็บเบอร์เจย์สูญพันธุ์ไปเองตามธรรมชาติ แต่ก่อนที่จะสูญพันธุ์ ได้มีนกแจ็บเบอร์เจย์ตัวหนึ่งไปผสมพันธุ์กับนกม็อกกิ้งเบิร์ดตัวเมีย ให้กำเนิดสายพันธุ์ใหม่ในนาม “ม็อกกิ้งเจย์” ที่ยังคงความสามารถในการจดจำและเลียนเสียงคำพูดของมนุษย์มาด้วย

การพบม็อกกิ้งเจย์ที่ใด จึงเป็นเสมือนตราบาปของแคปิตอลที่ถูกกบฏหักหลัง และเป็นเครื่องเตือนใจให้แคปิตอลว่า การชะล่าใจกับสิ่งที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง คิดว่ามันจะไม่มีวันหวนกลับมาได้ เป็นความคิดที่ผิดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มคิด ดังนั้นนกม็อกกิ้งเจย์, เข็มกลัดม็อกกิ้งเจย์ และแคทนิส ที่กลายเป็น “ม็อกกิ้งเจย์” จึงเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการโค่นอำนาจจากแคปิตอล

“การชู 3 นิ้ว” เป็นเครื่องหมายการแสดงออกของประชาชนเขต 12 ที่หมายถึง ชื่นชม, ขอบคุณ และลาก่อน (admiration, gratitude and saying goodbye) วิธีการแสดงออกคือ การใช้นิ้วตรงกลางทั้ง 3 นิ้วของมือซ้าย (นิ้วชี้, นิ้วกลาง, นิ้วนาง) แตะที่ริมฝีปาก ก่อนจะชูขึ้นเหนือหัว เพื่อแสดงการเคารพต่อคนที่กล่าวถึง ในหนังสือจะใช้มือซ้าย ส่วนในหนังจะเปลี่ยนมาใช้มือขวา

สัญลักษณ์นี้ให้ความหมาย 2 ประการ ประการแรกคือ การแสดงความเคารพถึงการกระทำของฝ่ายเดียวกัน อีกประการคือ การแสดงการต่อต้านของการกระทำของอีกฝ่าย

ในหนัง Mockingjay Part 1 จะเห็นได้ว่า ตัวละครที่อยู่ฝ่ายเดียวกันแต่แสดงสัญลักษณ์ไม่เหมือนกัน หากใครได้อ่านหนังสือจนจบเล่มแล้วคงจะรู้ถึงความหมายนี้ดี

ผู้กำกับ

Francis Lawrence

บริษัท ค่ายหนัง

  • Color Force
  • Lionsgate

นักแสดง

  • Jennifer Lawrence
  • Josh Hutcherson
  • Liam Hemsworth
  • Woody Harrelson
  • Elizabeth Banks
  • Julianne Moore
  • Philip Seymour Hoffman
  • Jeffrey Wright
  • Stanley Tucci
  • Donald Sutherland

โปสเตอร์หนัง

Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1

เรื่องย่อ

ดูหนังออนไลน์ Hunger Games 3 Part 1 (2014) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท1 Katniss Everdeen อยู่ในเขต 13 หลังจากที่เธอทำลายเกมตลอดกาล ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคอยน์และคำแนะนำของเพื่อนที่เธอไว้ใจ แคตนิสสยายปีกในขณะที่เธอต่อสู้เพื่อปกป้องพีต้าและประเทศชาติที่ขับเคลื่อนด้วยความกล้าหาญของเธอ

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

The Hunger Games (2012) เกมล่าเกม

The Hunger Games Catching Fire (2013) เกมล่าเกม 2 แคชชิ่งไฟเออร์

Hunger Games 3 Part 2 (2015) เกมล่าเกม ม็อกกิ้งเจย์ พาร์ท 2

แสดงความคิดเห็น

ดูหนังออนไลน์ ดูซีรี่ย์ฟรี เรื่องอื่นๆ

ดูหนังออนไลน์ หนังใหม่2024 moviehd24 ดูหนังเต็มเรื่อง หนังHD ดูหนังฟรีไม่กระตุก