Lahn Mah (2024) หลานม่า

Lahn Mah (2024) หลานม่า

รีวิวหนัง

ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่

Lahn Mah (2024) หลานม่า’ เป็นหนังที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผู้สูงวัยออกมาได้อย่างละเอียดอ่อน ทั้งความรักความห่วงใยที่มีต่อลูกหลาน ความเหงา ความเศร้า ความกลัว และในขณะเดียวกันมันก็เตือนให้คนที่เป็นลูกหลานได้หันกลับมาทบทวนตัวเองด้วยเช่นกัน
เราได้สรุป ‘ข้อคิดจากหลานม่า‘ เอาไว้ในโพสต์นี้แล้ว ** ถ้าใครอยากดูเวอร์ชั่น Short Video เข้าไปดูที่ TikTok ของเราที่ลิงค์ในคอมเมนต์กันได้เลยนะครับ 🙂 **
โพสต์นี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน ใครกลัวสปอย เซฟไว้ก่อนแล้วค่อยมาอ่านทีหลังก็ได้นะครับ ถ้าใครดูหลานม่าแล้วได้ข้อคิดอื่นๆ เพิ่มเติมยังไง ก็แนะนำกันเข้ามาได้เลยนะครับ
1. สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกนี้คือเวลา
เวลาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่เรามักจะมองข้ามไป ในวัยหนุ่มสาวเรามักจะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการไขว่คว้าเงินทอง ความสำเร็จ แต่กลับไม่ค่อยได้ใช้เวลากับคนที่เรารักมากเท่าไหร่
คนเรามักจะตระหนักถึงคุณค่าของเวลาจริงๆ ก็ในตอนที่มันกำลังจะหมดลงไป และมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของใครบางคนในวันที่เขาไม่ได้อยู่กับเราอีกต่อไปแล้ว
2. ความสุขของคนชราคือการเจอหน้าลูกหลาน
อาม่าอาจจะชอบทำเหมือนไม่อยากให้ลูกหลานมา แต่ลึกๆ แล้วสิ่งที่อาม่ารอคอยที่สุดก็คือวันที่ทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
อาม่าก็เหมือนคนแก่หลายคนที่แม้ว่าใจหนึ่งจะเหงา แต่อีกใจก็ไม่อยากรบกวนลูกๆ ถึงจะอยากเจอหน้า แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ และมันก็เป็นหน้าที่ของลูกหลานที่จะใส่ใจกับความรู้สึกของผู้สูงวัยให้มากขึ้น
3. ความรักคือการการกระทำไม่ใช่คำพูด
บ้านของเอ็มก็เหมือนบ้านคนจีนหลายๆ บ้านที่พูดจากันดีๆ ไม่เป็น แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่รักกัน
ถ้าอยากจะมองเห็นความรัก หลายครั้งเราก็ต้องมองไปที่การกระทำมากกว่า อย่างเช่นการที่อาม่าเปิดบัญชีเงินฝากให้เอ็ม การที่อาม่าเลิกกินเนื้อตอนไปบนกับเจ้าแม่กวนอิมไว้ตอนกู๋เคี้ยงหายป่วย หรือการที่อาม่าไม่ถือโทษโกรธกู๋โส่ยที่ขโมยเงินไป
4. งานทุกอย่างล้วนมีคุณค่าถ้าเราใส่ความตั้งใจลงไป
สิ่งหนึ่งที่เอ็มได้เรียนรู้จากอาม่าก็คือคุณค่าของการทำงาน แม้แต่ตอนป่วย อาม่าก็ยังพยายามไปขายโจ๊กทุกวัน
ชอบที่อาม่าบอกว่าคนเราเป็นจอหงวนได้หลายวิธีและการขายโจ๊กก็เป็นงานที่มีคุณค่าเหมือนกัน โจ๊กจะอร่อยก็เพราะเราใส่ความตั้งใจลงไป เช่นเดียวกับงานทุกงานในโลกนี้ บางทีมันก็ไม่สำคัญว่าเราทำอะไร แต่สำคัญว่าเราทำมันด้วยทัศนคติแบบไหนมากกว่า
5. คนที่เรารักไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป จงใช้เวลากับเขาอย่างรู้คุณค่าที่สุด
ผมชอบคำโปรยของหนังเรื่องนี้ที่บอกว่า “คนที่กลับบ้านไปเมื่อไหร่ก็เจอ อาจไม่ได้อยู่รอเราตรงนั้นตลอดไป”
คนเรามักจะไม่ค่อยมองเห็นคุณค่าของคนใกล้ตัวเพราะคิดว่าจะหันไปหาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่เราลืมไปก็คือ แม้ว่าเขาจะอยู่ใกล้เราในตอนนี้ แต่มันไม่ได้แปลว่าเขาจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป

ปรากฏการณ์หนัง

9.5/10
.
GDH ยังคงเล่นคนดูอยู่หมัดในท่าทีที่แปลกไปจากยุคเก่าก่อนตั้งแต่สมัย GTH เช่นเดียวกับ “เพื่อน(ไม่)สนิท (2566)” ซึ่งมีประเด็นที่แหลมคมแยบคายซ่อนเอาไว้ภายใต้ฉากหนังความเป็นหนังวัยรุ่น Coming of Age อันเป็นท่าไม้ตาย สูตรสำเร็จ หรือ Comfort Zone ของค่ายนี้ ที่ภายหลังเมื่อคนมาดูตอนเข้า Netflix แล้ว ก็จะพบว่า ประเด็นความถูกต้องภายในใจและการเลือกตัดสินใจต่างหากที่เป็นหมัดฮุคคนดู ใครจะว่า GDH ไม่มีอะไรใหม่ ๆ มาทำให้ดูแล้ว ขอเถียงขาดใจโดยเฉพาะเรื่องบทที่คิดว่า ทีมงานเติบโตขึ้นและมีน้ำหนักมือที่แม่นยำจนสร้างผลงานที่แหลมคมมาได้ตลอดเวลา
.
กับเรื่อง “หลานม่า” นี้ก็เช่นกัน จากตัวอย่างที่คนดูคงพอจะคาดเดาได้ว่า เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของอาม่ากับหลานคนต่างรุ่นที่ย่อมจะไม่เข้าใจกันอยู่แล้วแต่ลงเอยกันได้ด้วยความซาบซึ้ง แต่ประเด็นแหลมคมที่ถูกซ่อนไว้นั้นถกกันได้ไปจนถึงปัญหาความล่มสลายของสถาบันครอบครัวของไทย คุณภาพชีวิตของพลเมืองที่น่ารันทดหดหู่ ปัญหาเชิงโครงสร้าง และรัฐสวัสดิการในอุดมคติของคนไทย ซึ่งความฉลาดของผู้สร้างก็คือ การใส่องค์ประกอบเหล่านั้นไว้เป็นฉากหลังไม่กระทบต่อความเศร้าซึ้งสะเทือนใจ หากผู้ชมต้องการจะเข้าไปดูสิ่งนั้นแบบไม่อยากจะวิพากษ์บริบทสังคม
.
ประเด็นแรก ผู้สร้างหนังสร้างความรู้สะเทือนใจให้กับคนดู Gen X ขึ้นไปได้ทันทีตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง เพราะหลานเอ็ม (บิวกิ้น-พุฒิพงศ์) Gen Z ที่มองอาม่าผู้กำลังป่วยหนักเป็นแหล่งเงินต้นทุนชีวิตมากกว่าความเป็นญาติผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัว (ฉากที่หนังใช้คำนี้ช่างจี๊ดใจ) ซึ่งเป็นความคิดที่ร้ายแรงต่อความรู้สึกของผู้ชมที่เติบโตมากับการเลี้ยงดูโดยคน Gen Baby Boomer ทันที เพราะอย่างมากรุ่นลูกอาจแสดงออกด้วยการไม่สนใจ เหลียวแลหรือเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ กับพ่อแม่ที่เป็นวัยไม้ใกล้ฝั่ง แต่ก็ไม่น่าจะมีความคิดถึงขนาดทำดีเอาหน้าหวังผลประโยชน์เช่นที่เอ็มทำกับอาม่า เอาง่าย ๆ คือหนังนำเสนอภาพวัยรุ่น (ที่เป็นตัวแทนคนรุ่นนี้ได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจนัก) เลยเถิดไปยิ่งกว่านิยามของความอกตัญญูตามค่านิยมที่ว่า ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
.
ประเด็นที่สอง หนังนำเสนอความล่มสลายของครอบครัวคนจีนชนชั้นกลางล่างซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบครอบครัวที่มีมากที่สุดในสังคมไทยตั้งแต่ 20-30 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ที่แม้ไม่อาจเหมารวมได้ว่า จะเป็นลักษณะนี้ทั้งหมด แต่ผู้กำกับก็บอกว่าหลายส่วนในเรื่องสร้างมาจากชีวิตจริงของเขา และคนคิดพล็อตเรื่องก็น่าจะทำการศึกษามาอย่างดี (ตามสไตล์ GDH) ว่าปูมหลังตัวละครจะ Relate กับคนส่วนใหญ่ของสังคมที่จะมาดู
.
อากู๋เคี้ยงพี่ชายคนโต (สัญญา คุณากร) ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ใช้ชีวิตหรูหราเกินตัวและดูแลอาม่าด้วยการโยนเงินมาให้คนในครอบครัวใช้จ่ายเพื่อดูแลอาม่าแทนการมาดูแลเอง ซิวแม่ของเอ็ม (เจีย-สฤญรัตน์ โทมัส) ที่เป็นพนักงานหาเช้ากินค่ำ เคยลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยอาม่าขายโจ๊ก ตอนนี้ทำงานเป็นพนักงานซูเปอร์มาร์เก็ต และอากู๋โส่ย (เผือก-พงศธร) ลูกชายคนเล็กที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ติดหนี้นอกระบบมหาศาล
.
ขณะที่หลานเอ็มตัวละครหลักของเรื่องก็ดรอปการเรียนจะออกมาหารายได้จากการเล่นเกมออนไลน์แต่ล้มเหลว จะเห็นว่าตัวละครในเรื่องนั้นติดอยู่กับกับดักชนชั้นกลางล่าง ที่สุดท้ายก็ไม่มีทางพาคนอื่นในครอบครัวรอดไปได้เพราะแค่ลำพังจะพึ่งตัวเองก็ยังลำบาก ตัวละครในเรื่องจึงเป็นผู้ไร้ที่พึ่งกันทุกคนทุกรุ่นอย่างที่ไม่ควรเป็น ทั้งรุ่นคนแก่ที่พึ่งลูกหลานไม่ได้ รุ่นลูกที่แม้จะดูแลหลานก็ยังไม่รอดแต่ก็ต้องเตี้ยอุ้มค่อมดูแลแม่ รุ่นหลานก็ตกอยู่ในสภาพครอบครัวที่รุ่นพ่อแม่จมกับปัญหาที่ไม่มีทางออก

ผู้กำกับ

พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์

บริษัท ค่ายหนัง

จอกว้าง ฟิล์ม

นักแสดง

พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล
อุษา เสมคำ
สฤญรัตน์ โทมัส
สัญญา คุณากร
พงศธร จงวิลาส
ต้นตะวัน ตันติเวชกุล

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนัง Lahn Mah (2024) หลานม่า หลานม่า” เล่าเรื่องราวของ เอ็ม ที่ตัดสินใจดร็อปเรียนตอนปีสี่ เพื่อมาเอาดีทางการเป็นนักแคสต์เกม แต่ทำยังไงก็ไม่รุ่ง เอ็มเลยคิดจะรวยด้วยการทำงานสบายๆ แบบ มุ่ย ลูกพี่ลูกน้องที่รับดูแลอากงที่ป่วยระยะสุดท้าย จนกลายเป็นทายาทคนเดียวที่ได้รับมรดกเป็นบ้านราคากว่าสิบล้าน เส้นทางการเป็นเศรษฐีรออยู่ตรงหน้า เอ็มจึงอาสาไปดูแล อาม่า ที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง และน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินปี โดยหวังจะได้มรดกหลักล้านเช่นกัน เมื่อหลานกับอาม่าที่อายุห่างกันกว่า 50 ปี ต้องมาอยู่ร่วมกัน การต่อปากต่อคำจึงเกิดขึ้นในทุกโมเมนต์ แต่มันกลับ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้อาม่าลืมเหงา จากการเฝ้ารอลูกชายคนโต กู๋เคี้ยง ลูกสาวคนกลาง อย่าง แม่ของเอ็ม และลูกชายคนเล็กอย่าง กู๋โส่ย ที่จะมาพร้อมหน้ากันตามเทศกาลต่างๆ เท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่างานที่เริ่มต้นทำเพราะหวังรวย จะทำให้คนห่วยๆ อย่างเอ็มได้รู้ว่าคำว่า “ครอบครัว” มีค่ามากกว่าเงิน ดูหนังออนไลน์

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Love You 100K (2015) มนต์เลิฟ สิบหมื่น

Single Lady (2015) ซิงเกิลเลดี้ เพราะเคยมีแฟน

I Fine Thank You Love You (2014) ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้

RedLife (2023) รัก ละ เลย

More Than Friend (2022) เฟื่อน