The Wife (2018) เมียโลกไม่จำ

The Wife (2018) เมียโลกไม่จำ

รีวิวหนัง

หนังโปรดของข้าพเจ้า

เป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบความเป็นมนุษย์ธรรมดาของตัวละครเอามาก ๆ หนังมันพูดถึงความสำเร็จของนิยายทุกเล่มของ ‘โจ’ (Jonathan Pryce) นั้น จริง ๆ แล้วเบื้องหลังเป็นงานเขียนของ ‘โจแอน’ (Glenn Close) ภรรยาที่สมัครใจเป็น ghost writer นักเขียนเงาของเขา ทุกอย่างก็ดำเนินมาปกติกว่า 40 ปี จนกระทั่งงานเขียนเล่มล่าสุดของโจแอนดันไปไกลถึงขั้นได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม คำชมกระหน่ำเข้ามาอย่างท่วมท้นแต่เธอกลับไม่ใช่คนได้หน้า ซึ่งตามปกติเธอเองก็คงไม่คิดอะไรเพราะยินยอมเช่นนั้นมาตลอด เธอเขียนเพราะอยากให้มีคนอ่าน แต่นี่มันคือรางวัลโนเบลก็ย่อมมีความรู้สึกกันบ้างแหละ พล็อตแค่นี้ก็ขายการแสดงของเกล็นน์ โคลส ที่ปล่อยของแสดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุมหนังอยู่หมัดด้วยการสะกดให้คนดูจดจ้องอยู่กับการแสดงของเธอเพียงอย่างเดียว
.
ต้นตอของหนังพาย้อนไปถึงเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศระหว่างชายและหญิง ปัญหาแบบที่ตัวละครต้องเจอจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าในสมัยนั้นสำนักพิมพ์, คนเขียนบทวิจารณ์, และคนอ่าน ยอมรับความสามารถของเพศหญิง แต่กลายเป็นว่าหลายอาชีพถูกจำกัดให้เพศชายเท่านั้นที่ได้รับโอกาส เธอจึงต้องชั่งใจระหว่าง การเป็นนักเขียนก็แค่เขียนต่อเนื่อง หรือ การเป็นนักเขียนนั้นย่อมต้องมีคนอ่านด้วย แน่นอนว่าเธออยากเป็นอย่างหลังมากกว่าแม้จะไม่ได้เครดิตใด ๆ ในผลงานของตัวเองเลยก็ตาม ซึ่งตัวหนังมันค่อนข้างเศร้าในสายตาเรานะ

ด้วยความที่ภาพหนังช่วงแรก ๆ ชักชวนให้คนดูคิดไปทางนางเอก vs. ตัวร้าย แบบฝั่งนางเอกมีความสามารถสุดยอดระดับได้รางวัลโนเบลแต่น่าเห็นใจที่ไม่ได้เครดิต หนังก็ค่อย ๆ อาศัยจังหวะนั้นทำให้คนดูเห็นสามีเป็นตัวร้ายด้วยภาพความเจ้าชู้และความหลงตัวเองทั้งที่ไม่ใช่งานเขียนของเขา แต่พอหนังเล่าไปนานเข้าก็เริ่มสังเกตเห็นความอึดอัดและซับซ้อนขึ้นอีกชั้น คือฝ่ายชายถึงจะได้หน้าได้รางวัลในสังคมเพศชายเป็นใหญ่แต่เขากลับไม่ได้มีความภูมิใจ จะเอาอะไรไปภูมิใจในเมื่อทั้งหมดเป็นผลงานภรรยา เหมือนต้องทน ๆ ทำไปเพราะสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมายาวนาน ตอนภรรยาทำงานเขาก็ต้องสวมหัวโขนเป็นพ่อบ้าน ซึ่งสังคมยุคใหม่เปิดกว้างให้เพศชายทำงานบ้านแล้วผู้หญิงทำงานนอกบ้านกันแล้วแต่คงไม่ใช่ในยุค 60’s – 70’s แน่นอน
.
ความซับซ้อนอีกชั้นคือบทบาทพ่อที่ต้องเป็นต้นแบบให้ลูกชายที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนก็ทำไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ลูกชายเฝ้ารอคำวิจารณ์และความเห็นจากพ่อเพียงฝ่ายเดียว แม่พูดอะไรก็ปล่อยผ่านเพราะไม่เคยรู้ว่าแม่เป็นสุดยอดนักเขียน ความที่คู่สามี-ภรรยาต้องเก็บชีวิตงานเขียนเป็นความลับจึงค่อย ๆ เผยความอึดอัดออกมาทีละชั้น กว่าจะได้ระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมาก็ช่วงท้ายของหนัง รวมถึงถ้าสังเกตตลอดทั้งเรื่องจะเห็นว่าเขาเองก็พยายามยกเครดิตและพยายามให้เธอมีส่วนร่วมกับทุกอย่างแต่มันเปิดเผยไม่ได้ ตั้งแต่การรับโทรศัพท์, สปีชตอนรับรางวัล

ซึ่งการมีส่วนร่วมแต่ต้องปิดมันทำให้เธออึดอัดมาก ๆ เหมือนกันเมื่อเป็นรางวัลใหญ่ระดับโนเบล ส่วนการแสดงของเกล็นน์ โคลส สมควรเข้าชิงออสการ์มาก ๆ ตัวหนังส่งจนไม่รู้จะส่งอย่างไรแล้ว ทั้งหมดของหนังต้องอาศัยการแสดงของเธอแทนบทบรรยาย ถ้าเธอแสดงไม่ถึงเมื่อไรหนังพังแน่นอนเพราะจะไม่อินกับความซับซ้อนของตัวละครและความสัมพันธ์นี้ อันที่จริงหลายครั้งที่มีบทสนทนาก็เป็นการหยั่งเชิงที่ต้องสังเกตการแสดงให้ชัดเจนอยู่ดี เอาแค่ฉากโชว์ของตอนรับโทรศัพท์แจ้งผลรางวัลโนเบลที่กล้องตัดสลับไปมาระหว่างหน้าสามี-ภรรยา รวมถึงตัดให้ฟังเสียงสามีแต่ฉายภาพหน้าเกล็นน์ โคลส ฉากเดียวก็ควรมีชื่อเป็น 1 ใน 5 บนเวทีออสการ์แบบไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น

ป.ล. ถ้าบทเข้มข้นหรือลงลึกกว่านี้จะขยับเรทขึ้นอีก 0.5 นะ อันนี้บทหนังแทบไม่ทำงานเท่าไร เหมือนพาไปสำรวจความซับซ้อนของมนุษย์ในช่วง 4-5 วันที่อาศัยการแสดงล้วน ๆ เลย

7.5/10

ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่

เรื่องราวใน The Wife เริ่มต้นขึ้นเมื่อ โจเซฟ แคสเซิลแมน นักเขียนชื่อดังได้รับแจ้งว่าเขาคือผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ซึ่งทำให้เขาและภรรยาคือ โจอัน นั้นได้รับเชิญให้ไปร่วมพิธีรับมอบรางวัลที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน
ที่สต็อกโฮล์ม ทั้งคู่ได้พบกับ นาเธเนียล โบน นักเขียนที่อยากจะเขียนหนังสือชีวประวัติของโจเซฟแต่ก็ถูกปฏิเสธมาตลอด เขาก็เลยพยายามเข้าทางโจอันซึ่งดู

เป็นมิตรกว่าสิ่งที่ทำให้โจอันต้องตกใจก็คือการที่นาเธเนียลตั้งข้อสังเกตว่า ผลงานของโจเซฟนั้นพัฒนามากหลังจากที่เขาได้พบกับโจอัน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเกิดคำถามว่า ผู้สร้างสรรค์ที่แท้จริงของผลงานทั้งหมดของโจเซฟนั้นคือใครกันแน่ และมันก็คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้รอยร้าวในครอบครัวคาสเซิลแมนที่มีอยู่แล้วนั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้น

The Wife เป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นความจริงที่น่าเจ็บปวดของสังคมแบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้โอกาสที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยกว่าผู้ชายมาก แม้ว่าบางครั้ง พวกเธอจะมีความสามารถมากกว่าก็ตามวิธีการเล่าเรื่องของหนังนั้นทำได้น่าสนใจด้วยการเล่าตัดสลับเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งค่อยๆ เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของโจเซฟและโจอันที่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่าที่เราคิดเอาไว้

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากก็คือความเปราะบางของความสัมพันธ์ภายในครอบครัวทั้งความสัมพันธ์ของโจเซฟและโจอันเอง และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาและลูกชายอย่าง เดวิด ซึ่งฝันอยากจะเป็นนักเขียน แต่ชื่อเสียงของพ่อก็กลายมาเป็นแรงกดดันชิ้นใหญ่ที่ทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง
นอกจากบทที่ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ได้อย่างละเอียดอ่อนแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากๆ ในหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นการแสดงของ เกลนน์ โคลส ที่ถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดลึกๆ ในใจของโจอันออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะการแสดงอารมณ์ทางสายตา

สิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้บอกกับเราก็คือ บางครั้ง ความสัมพันธ์ในครอบครัวมันก็อาจจะเป็นความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียด มันไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะรักและเกลียดคนๆ นึงได้ในเวลาเดียวกัน และดีกรีของความรักและความเกลียดนั้นก็จะมีการเปลี่ยนแปลงระดับขึ้นลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ได้อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งสุดท้ายแล้ว มันก็คงไม่มีครอบครัวไหนที่สมบูรณ์แบบ แต่ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่ที่สมาชิกครอบครัวแต่ละคนว่า พวกเขาอยากจะประคับประคองสายสัมพันธ์อันเปราะบางที่เชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้ด้วยกันต่อไปหรือเปล่า
เรื่องเล่น รีวิว – 8.5 เต็ม10

ผู้กำกับ

บียอร์น รุงเกะ

บริษัท ค่ายหนัง

Silver Reel
Meta Film London
Anonymous Content
Tempo Productions
Embankment Films
Creative Scotland
Spark Film and Television
Film i Väst

นักแสดง

เกลนน์ โคลส
โจนาธาน ไพรซ์
คริสเตียน สเลเตอร์
แม็กซ์ ไอรอนส์
แอนนี่ สตาร์ค
แฮร์รี่ ลอยด์
เอลิซาเบธ แมคโกเวิร์น

โปสเตอร์หนัง

เรื่องย่อ

ดูหนัง The Wife (2018) เมียโลกไม่จำ ภรรยาตั้งคำถามกับการเลือกชีวิตของเธอขณะเดินทางไปสตอกโฮล์มเพื่อดูสามีของเธอได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1958 โจน อาร์เชอร์ นักศึกษาวิทยาลัยที่วิทยาลัยสมิธ รู้สึกทึ่งกับศาสตราจารย์ของเธอ โจเซฟ คาสเซิลแมน ชายหนุ่มรูปหล่อ แต่งงานแล้ว และพลังแห่งบุคลิกภาพและคำแนะนำของเขา ต่อมา Joan ได้พบกับนักเขียนหญิงที่เป็นศิษย์เก่าที่ได้รับการตีพิมพ์ซึ่งมีทัศนคติเหยียดหยามเกี่ยวกับโอกาสที่นักเขียนหญิงมีให้ทำให้เธอท้อใจ ดูหนังออนไลน์

ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน

Downtown Owl (2023)

Shortbus (2006) ช็อตบัส

Asphalt City (2024) แอสฟัลต์ซิตี้

Open Your Eyes (1997) กระชากฝัน สู่วันอันตราย

The Conspirator (2010) เปิดปมบงการ สังหารลินคอล์น